วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คุณปีบ...คุณปีบเป็นอะไรคะ

จะเป็นบ้านเกิดของหล่อน แต่หล่อนก็จากที่นี่ไปหลายปี นานจนความคุ้นเคย
บางอย่างแทบจะจางหายไปจากมโนนึก
รู้สืกเหมือนจะชาวูบไปทั้งร่าง เมื่อเห็นเงาบางสิงเคลื่อนผ่านจากมุมระเบียง
ที่ทอดไปส่ตัวห้องประมุขของบ้านอย่างช้าๆ
"คุณยาย!" เร็วเท่าความคิด หล่อนรีบสาวเท้าวิ่งตามไปทันที
เงานั้นดูจะรู้ตัว...มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานลมพัดแล้ววูบหาย กาซะลอง
รีบเร่งฝืเท้า แต่พลันสะดุดเมื่อร่างปะทะกับความนุ่มหยุ่นของบางอ่ย่างพร้อมกับ
เสียงร้องว้าย แม่แรงไฟฟ้า
"คุณปีบ...คุณปีบเป็นอะไรคะ" คำสร้อยรีบประคองร่างระหงที่ล้มเค้เกัไม่ เป็นท่าของผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณปีบขึ้นมา กาซะลองผวา แต่ยังหันมองโดยรอบ
"คำสร้อย...คำสร้อยเห็นใครเดินผ่านไปที่ห้องคุณยายมั้ย"
หญิงวัยกลางคนข้าเก่าเต่าเลี้ยงของคุ้มภูคากาซะลองนิ่งคิดไปครู่ ก่อนบอก "ไม่เห็นนี่คะ ดิฉันเองก็เพิ่งมาจากห้องของคุณท่าน คุณปีบเห็นอะไร ใครหรือ คะ" ท้ายเสียงส่อความสงสัยระคนประหวั่นพรั่นพรึง กาซะลองรีบปฏิเสธด้วย เกรงว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในบ้านมากเกินไป
คำสร้อยมองดูนายหญิงของบ้าน หลานสาวคนโปรดของคุณปรียางค์ศรี หน้าผอมเรียวซูบซีดไม่เห็นจะงดงามสะดุดตาเหมือนอย่างที่เฉิดฉายบนจอทีวี ดวงตาคมหม่นเศร้าแฝงไว้ด้วยความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"คุณปีบไม่ค่อยสบาย ไม่พักผ่อนหน่อยหรือคะ เพิ่งจะตีสี" เอ่ยถาม อย่างเกรงใจ กาชะลองตอบเสียงโหย
"ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เลยว่าจะไปหาคุณยายเสียหน่อย แล้วคำสร้อยล่ะ ตื่นทำไมแต่เช้า"
"ทำกับข้าวใส่บาตรค่ะ คุณท่านสั่งให้ทำทุกวัน ช่วงนี้คุ้มเรามีเรื่องมีราวบ่อยๆ" "มีเรื่องอะไร" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คุ้มภูคากาซะลองมีเรื่อง...มีเรื่องโดย ที่หล่อนไม่รู้
"เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปโรงครัวก่อนนะคะ" บอก ก่อนรีบลนลานจากไป กาซะลองยืนคว้าง เกิดคำถามมากมายในใจ ความฝันของหล่อน...จะเฝ็นลางบอกเหตุบางอย่างหรือ...
"คุณยาย!!!" กาซะลองหวีดลั่น...ทะลึ่งตัวตื่นบนเตียงเหงื่อแตกพลั่ก รู้สืก เหมือนมีใครคนหนึ่งที่กำลังนอนคุดคู้อยู่เบี้องล่างผวาเฮือกขึ้นมาหาหล่อน
"คุณปีบคะ คุณปีบ" แพรสารีบเอื้อมมีอไปเขย่าตัวกาซะลอง นายสาวหน้า ซีดปากสั่นถามละลํ่าละลัก
"คุณยาย คุณยายอยู่ที่ไหน" แม่แรงตะเข้
"คุณท่านอยู่ที่ห้องค่ะ นอนหลับอยู่"
กาซะลองถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกมือขึ้นลูบหน้าที่พราวไปด้วยเหงื่อ กวาดสายตามองไปรอบบริเวณ ภาพคุ้นตาค่อยปรากฏ ม่านสีขาวที่ติดอยู่ริมหน้าต่าง พลิ้วไหวราวกับกำลังฉายให้เห็นภาพเด็กตัวน้อยนั่งเย็บผ้าม่านผืนยาวกับหญิง ชราญ้ยังคงความสง่า มือเล็กๆ จับเข็มอย่างเก้ๆ กังๆ ผืนผ้าบิดไม่เป็นรูปเป็น ร่าง   ผู้สูงวัยกว่าต้องเอื้อมมือมาช่วยอีกแรง  จนผ้ายาวผืนนั้Vเกลายเป็นผ้าม่าน
ผืนสวยและถูกนำไปติดไว้ที่หน้าต่างทั่วทั้งห้องท่ามกลางความภูมิใจของเจ้าตัว ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นฝืมือของผู้เป็นยายล้วนๆ
ความทรงจำทุกอย่างมันซ่างเด่นชัด...ข้าวชองทุกอย่างทีวางอยู่ไม่เคย เปลี่ยนแปลง นัยน์ตาคมกะพริบถี่ๆ หค่อนมาถึงคุ้มภูคากาซะลองแล้ว
แพรสาค่อยๆ ช้อนสายตามองกาซะลอง ไม่ค่อยกล้ามองอย่างเต็มตาเพราะ คำที่พ่อพรํ่าสอน 'ท่านเป็นนาย เราเป็นบ่าว อย่าวางตนเสมอท่าน'
"คุณปีบเจ็บหลังหรือคะ" หล่อนหมายถึงอาการที่อาจหลงเหลือจากการตก มอเตอร์ไซค์ กาซะลองส่ายหน้าดก ยังอกสั่นขวัญหายกับฝืนร้ายเมื่อครู่
"ฉันจะไปหาคุณยาย"
"คุณท่านสั่งให้คุณปีบพักผ่อนค่ะ ท่านเป็นห่วง ตากฝนมาแล้วยังประสบ อุบัติเหตุอีก"
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างพยายามทบทวนความคิด หล่อนน่ะหรือประสบ อุบัติเหตุ
"คุณปีบตกมอเตอร์ไซค์น่ะค่ะ" แพรสาช่วยบอก เพราะเห็นสีหน้านายสาว แล้วท่าทางจะจำไม่ได้จริงๆ แต่พอบอกแล้วคุณปีบกลับยิ่งตีหน้าเข้มจนแพรสา นึกแหยง หารู้ไม่ว่าคุณปีบกำลังเข่นเขี้ยวในใจ
ตาบ้าเอ๊ย ตอนเด็กทำฉันตกจักรยาน พอโตขึ้นมายังทำฉันตกมอเตอรIซค์อีก
แม่แรงตะเข้

"ใครบอกว่าฉันไม่มา!"

พูดมาก่อน
"นั่งมอเตอร์ไซคIด้มั้ย ถ้าได้จะไปส่ง" "มอเตอร์ไซค์...ตอนฝนตกเนี่ยนะ"
"จะไปหรือไม่ไป หรือจะไปนั่งอยู่ที่ป้อม แต่ผมว่าคุณยายคุณคงไฝสบายใจ นักหรอก ถ้ารู้ว่าหลานสาวคนโปรดต้องมานั่งตากฝนม่อลอกม่อแลกอย่างนี้"
เซอะ.' ทำเป็นเอาคุณยายมาอ้าง กาซะลองคอแข็ง อยากจะว่าให้เจ็บๆ แสบๆ คืนไปบ้าง แต่ที่ทำได้คือหุบปากสนิท เดินตามร่างสูงใหญ่ที่จํ้าอ้าวไปยัง มอเตอร์ไชค์ที่จอดอยู่ ก็ผู้ชายคนนี้เหมือนคนอื่นซะทิ่ไหน ขืนไปออกฤทธึ๋ออก เดชมาก เขาก็คงทิ้งหล่อนไว้ข้างทางเหมือนอย่างที่เคยทิ้งมาแล้วนั่นแหละ
นี่ถ้าไม่เป็นเพราะความห่วงคุณยาย จ้างให้หล่อนก็ไม่ง้อหรอก
ศกรหันไปสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชา จ่าเมฆและเพื่อนพ้องตะเบ๊ะรับ แต่ แอบกระซิบปนหัวเราะคิกคัก
"ระวังจะหลงเสน่ห์ดาราดังนะผู้กอง"
"บ๊ะ เจ้านี่ ประเดียวโดนอัด ไปทำงานที่สังแล้วพๅเงนี้เจอกันที่โรงพัก"
"แล้วทำไมต้องพรุ่งนี้ด้วยล่ะผู้กอง" จ่าเมฆยังไม่วายแหย่ ศกรตีหน้าเข้ม
"จะไปทำงานตามที่สั่งหรือว่าจะย้าย" แม่แรงไฟฟ้า 
"ทำงานครับผู้กอง!"
นี้าเสียงที่ตอบจริงจัง แต่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาแอบยิ้มยามพูด ขบวนการ ตีหน้าดุหน้าเข้มไม่มีใครเกินผู้กองศกร แต่ความใจนักเลงมีนี้าใจของผู้กองก็ได้ขึ้น ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งเหมือนกัน
กาซะลองแอบเบ้ปาก เฮอะ ก็แค่ผู้กอง ทำเป็นเต๊ะ
"เร็วคุณ!" เขาหันมาดุหน้าเคร่ง
"ฉันช้าที่ไหนเล่า ที่ช้าก็เพราะว่ารอคุณนั่นแหละ" หญิงสาวเบ้ปากให้เห็น ชัดๆ ก่อนเดินไปเปิดประตูรถหยิบสัมภาระส่วนตัวมาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขา ศกรยื่นหมวกกันน็อคให้ แต่เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของหญิงสาว มือคร้ามใหญ่ ก็ยื่นมาจัดการให้ กาซะลองคอแข็ง รีบเมินสายตาคมๆ ที่มองตรงมา แต่ กระนั้นยังรู้สืกเหมือนมีผืนผ้าใบมาคลุมทับร่างเบาๆ เสียงเข้มสำทับ
"ใส่เสือกันฝนซะ หมวกใบแค่นี้กันอะไรไม่ได้หรอก" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
ชาวบ้านเขารู้กันดี คุณเองก็น่าจะรู้!" นํ้าเสียงนั้นกึ่งตำหนิ แต่เพียงชั่วครู่เสียง ห้าวๆ ก็พูดต่อ "อ้อ ขอโทษที ลืมไป คุณไม่ได้มาที่นี่เป็นสิบๆ ปีแล้วนี่"
"ใครบอกว่าฉันไม่มา!"
"งั้นคุณมางั้นรึ" แม่แรงตะเข้
เหมือนมีรอยยิ้มเยาะจนคนถูกมองหน้าร้อนผ่าว อีตาศกรบ้า/ ทำมาเป็นรู้ดี "ฉันจะมาหรือไม่มา คุณจะรู้ได้ยังไงไม่ทราบ"
ศกรต้องกลั้นยิ้มขำกับอาการเชิดหน้านั้น หล่อนจะรู้ตัวบ้างไหมหนอ ว่า ดาราสาวชื่อดังในวันนี้ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกับเด็กหญิงกาซะลองเมื่อวันก่อนเลย แม่ลูกเป็ดขี้เหร่ของนายศกร!
"นั่นสินะ" เขาพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าเหมือนไม่สนใจ แต่กาซะลองรู้ ขบวนการเจ้าเล่ห์รู้ทันไม่มืใครเกินนายศกรคนนี้หรอก
ร่างสูงใหญ่เดินห่างไปจากหล่อนเพื่อจัดการกับการทำงานต่อ กาซะลอง เดินเลี่ยงไปยืนหลบฝนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ รอบบริเวณเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียง สายฝนที่เทกระหนํ่า สายฝนยามเมื่อสัมผัสกระทบกับผีนผ้าใบของร่มคันจิ๋วยิ่ง ดังก้องกังวาน
เหลือบสายตามองไปทางศกร ร่างสูงใหญ่ยังคงสาละวนกับต้นไม้ใหญ่นั้น เสียวหน้าคมเข้มเคร่งเครียด ไม่ส่อเค้าความขี้เล่นช่างยั่วเหมือนเมื่อยามที่เขาอยู่กับ หล่อนแม้แต่นิดเดียว แวบหนึ่งที่กาซะลองอดคิดไปถึงวัยเด็กไม่ได้ เด็กชาย ตัวผอมสูงวันนั้นไม่มีเค้าที่จะเติบโตแข็งแกร่งเป็นนายตำรวจร่างใหญ่เช่นนี้เลย
ก็ยังดีที่เจอเพี่อนเก่า ถึงจะไม่ใช่เพี่อนเกลอก็'ตามเถอะ ไม่เช่นนั้นแล้วป้าน ฉะนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ บรรยากาศรอบข้างในคีนฟ้าคลั่งยิ่งน่ากลัวอยู่ด้วย
"คุณคงไปต่อไม่ได้หรอก รถมันเสีย" เขาเดินมาบอกเสียงเรียบๆ แต่ กาซะลองสะดุ้งโหยง
"เสีย! มันจะเสียได้ยังไง นี่มันรถป้ายแดงนะ ฉันเพิ่งถอยออกมา โฆษณา เขาก็บอกออกดิบดีว่าสมรรถนะดีเยี่ยม บุกปาฝ่าดงแค'ไหนก็ได้ แล้วนี่มันอะไร"
"ไม่รู้สิ ผมไม่ใช่เซลส์ที่ขายรถให้คุณ"
กาชะลองอ้าปากหวอ เห็นมั้ย อีตานี่ ดีด้วยเป็นไม่ได้ ขนาดเพิ่งคิด ในใจแท้ๆ เชียว แต่ยังไม่ทันที่ริมฝืปากเต็มอิ่มจะได้โต้ตอบ คนหน้าเข้มก็ชิง
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

กาซะลองเบ้หน้า ตอบเสียงดังฟังชัด

มอเตอร์ไซด์คันใหญ่พาหล่อนและเขาแล่นฝ่าพายุฝนออกไป แม้จะมี หมวกกันน็อค แต่กาซะลองยังรู้สึกถึงแรงลมที่พัดมาปะทะใบหน้า
ทั้งหนาวทั้งเย็นทั้งมืดจนหงุดหงิด...พายุบ้าอะไร เมื่อไหร่จะหยุดๆ เสียที
มองแผ่นหลังกว้างที่อยู่เบื้องหน้า แต่ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ไหวติงกับแรงลม นั้นแม้แต่นิดเดียว ศกรยังนั่งนิ่งเป็นสง่า ใช้สมาธิกับการพาพาหนะไปให้ถึง จุดหมาย ชายหนุ่มรู้สึกถึงระยะห่างที่ร่างบอบบางพยายามกันตัวเองเอาไว้
โธ่ แม่เจ้าประคุณ เบาะรถก็มีแค่นี้ นั่งซะห่าง ประเดียวก็ได'ลงไปนอน แอ้งแม้งกับพื้นกันพอดี
"ถ้าไม่รังเกียจ เกาะหลังผมไว้ได้นะคุณ ประเดี๋ยวจะตก" แม่แรงไฟฟ้า
กาซะลองเบ้หน้า ตอบเสียงดังฟังชัด "ฉันรังเกียจ!"
อยากจะหัวเราะดังๆ กับความดี้อดึงของเจ้าหล่อน แต่ร่างของแมวสีดำ ตัวอ้วนใหญ่ที่วิ่งตัดหน้ารถอย่างรวดเร็วทำให้ศกรต้องเบรกรถอย่างกะทันหัน
กาซะลองได้ยินเสียงตัวเองร้องวี้ดออกมาอย่างสุดเสียง รู้สึกเหมือนร่าง จะลอยละล่องอยู่ในอากาศ แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น หลังก็ลัมผัสกับพํ่นแข็งๆ ในทันที
"ไปกับเจ้าหน้าที่ เขาจะไปส่งคุณที่ป้อม" "แล้วรถฉันล่ะ" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"จะเอาไปด้วยมั้ยล่ะ ถ้าเอาก็ลากซากต้นไมไปด้วย' ศกรตอบหน้าตาเฉย และไอ้ความที่หน้าตาเรียบเฉยนี่ล่ะที่ทำให้คนฟังแทบร้องกรี๊ด เพราะในความ รู้สึกของกาซะลองมันช่างกวนประสาทเหลือทน
ด้ายยย อีตา®กร ในเมื่อตั้งใจกวนประสาทฉัน ฉันก็ไม่ยอมแพ้นายหรอก หล่อนพูดออกไปเสียงห้วน ดวงหน้าไม่ได้มองไปทางเขาเสียด้วยซา "แล้วฉันจะ ไปที่ป้อมตำรวจนั่นได้ยังไง...โดยไม่เปียก"
ศกรนิ่วหน้า พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตีรวน ก็...ตามนิกัยเดิมๆ ของเจ้า หล่อนนั่นล่ะ ชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบร่มคันจิ๋วที่เหน็บอยู่ข้างรถส่งให้ "มีแคน ถ้า ต้องการมากกว่านี้ก็...ไม่ได้"
กาซะลองเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเสียไม่ได้ ขณะเอี้อมมีอไปรับร่ม อย่างกระแทกกระทั้น เขาไมใด้สนใจหล่อนแม้แต่น้อย ไม่...แม้แต่จะปรายตามอง รู้สึกเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส และเขาก็เป็นฝ่ายปล่อยร่มซึ่งส่งให้หล่อนก่อน หญิงสาว ได้ยินเสียงห้าวๆ สั่งเจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาด้วยให้จัดการกับสิงที่ล้มลงมาขวางถนน
กาซะลองยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงนั้น ภาพที่เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันคนละไม้ ละมือทำให้หล่อนเกิดความละอายใจอยู่ไม่น้อย หากจะหลบฝนไปนั่งสบายอยู่ คนเดียว แม่แรงตะเข้
"ไปกับจ่าเมฆสิคุณ ที่ป้อมน่ะ ถึงจะเล็กแต่ก็พอกันฝนกันฟ้าได้...กลัวไม่ ใช่หรือไง"
อ้อ.' ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์จำได้ เพราะเมื่อยังเยาว์วัย ยามใดที่ฝนตก หล่อนจะต้องยกมือไหว้ฝนไหว้ฟ้าปลกๆ เพราะกลัวเหลือเกินกับเสียงกึกก้อง กัมปนาทนั่น
แต่พอเหลีอบมองเห็นหน้าคมๆ เข้มๆ ทำตาวาวๆ คำขอบคุณเลยถูก?"เลืน ลงคอ เพราะชักไม่มั่นใจว่าแท้จริงแล้วฝ่ายนั้นมีความรู้สืกประการใด ก็อาจจะ... ประชดเหมือนทุกครั้งมั้ง
"ไม่เป็นไร ฉันมีร่มแล้ว คงไม่เปียกหรอก"
"แถวนี้ถ้าฝนตกฟ้าผ่า ต้นไม้มันก็โค่นลงมาเป็นประจำอย่างนี้แหละคุณ
แม่แรงไฟฟ้า

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"ไม่ไปไหนเหรอคะ"

ร่างผอมกะหร่องที่นอนกระดิกเท้าอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์ภาย ใต้ร่มต้นปีบต้นใหญ่พลันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังอยู่ใกล้ๆ หันขวับไป ก็เห็นหลานสาวคุณปรียางค์ศรียืนกอดอกมองอยู่ สายลมเย็นพัดเอื่อยจนลูกผม ที่ปรกอยู่ตรงใบหน้าหล่อนหล่นมาตกที่หน้าผาก หน้านวลใสดูสดชื่น อาจจะ เป็นความสดชื่นครั้งแรกที่ได้เห็นนับตั้งแต่ประมุขของคุ้มภูคากาซะลองจากไป สายตาของกาซะลองมองเขาอย่างสำรวจตรวจตราติดจะสงสัยอยู่ด้วยซํ้า
"มีอะไรหรือปีบ ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วันมองผมอย่างกับไม่เคยเห็น"
หญิงสาวยิ้มแหย"หน้าขาวๆ ของลูกชายท่านรัฐมนตรีไม่มีร่องรอยใดๆ ที่ผ่านการต่อสัอย่างสดๆ ร้อนๆ มาเลย หากจะมืก็เพียงรอยคลํ้าจางๆ ที่ สฤษด์คุณเคยฝากรอยหมัดเอาไว้เท่านั้น ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และอีกฝ่ายก็หดแข้ง หดขาคืนอย่างเกรงใจ ไม่ใช่ในฐานะที่หล่อนเป็นเจ้าของบ้าน แต่ลักษณะเฉพาะ ตัวบางอย่างที่อย่างไรเสียกาชะลองก็น่า 'เกรง' อยู่ดี แม่แรงไฟฟ้า
"ไม่ไปไหนเหรอคะ"
อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มละไม "ไม่ล่ะ ผมใช้ชีวิตเสเพลมามากพอแล้ว รู้มั้ย ผมอยากจะนอนนิ่งๆ ดูเดือนดูตะวันอย่างนี้มากกว่า ที่นี่ด้วยนะ ถ้าปีบอนุญาต"
แววใดให้จับพิรุธ กาซะลองจึงเฉยเสีย
"อ้าว พูดถึงก็มาพอดี เชิญครับเชิญ ผู้กอง" ลูกชายท่านรัฐมนตรีพูดเอง เออเองเสร็จสรรพ ร่างผอมกะหร่องผุดลุกขึ้นทักทายผู้กองหนุ่มอย่างร่าเริง แต่เพียงเห็นหน้าอีกฝ่ายรอยยิ้มก็หุบในทันใด
"ไปฟัด...เอ๊ย! ต่อยกับใครมาครับเนี่ย เยินไปหมดทั้งตัวผู้กอง" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
ศกรยิ้มน้อยๆ ตามนิสัย มือแข็งแรงลูบใบหน้าที่ยังมีร่องรอยฟกชาเบาๆ "ก็...ผู้ร้ายน่ะครับ ไม่มีอะไร"
ดูจะเป็นการ 'ไม่มีอะไร' อย่างที่บอก แต่อีกครั้งที่ดิสธรรู้สืกเหมือนกำลัง ถูกสำรวจตรวจตราอย่างละเอียด ดวงตาคมกริบมองตามใบหน้าเขาไล่มาตาม ร่างกาย แต่เพียงชั่วครู่ก็ตวัดขึ้นยิ้มดังเดิม
"มีอะไรกันรึเปล่าครับ ตะกี้ผมก็เห็นปีบมองผมด้วยสายตาแบบนี้เหมือนกัน"
"ไม่มีอะไรครับ"
ผู้กองรีบแก้ต่าง สบตากับกาซะลองและเขาก็เห็นหล่อนจ้องมองอยู่แล้ว ตาต่อ ตาสบกันก่อนที่ดวงตาดำใหญ่จะเมินไปอีกทาง ศกรได้ยินเสียงคล้ายถอนหายใจ เบาๆ อย่างโล่งอก และพอเสียวหน้าคมมองกลับมาเขาก็เห็นหล่อนยิ้มน้อยๆ แม่แรงตะเข้
ไม่มืการพูดจา แต่ทั้งค่ก็รู้ว่า บุรุษลึกลับนายนั้นไม่ใช่ลูกชายท่านรัฐมนตรี อย่างแน่นอน
"พอดีเมื่อคืนคุยกันกับปีบถึงคุณ ว่าอยู่ที่คุ้มน่าจะขุนให้อ้วน คุณผอมไปนะ" "ผมน่ะหุ่นนายแบบ"
ลูบพุงที่ปราศจากไขมันอย่างพอใจนิดๆ เพื่อนแม่หลายคนเคยเชิญ1หไป เดินแบบการกุศลอยู่บ่อยๆ มันทำให้ลำพองใจอยู่ไม่น้อยในลักษณะรูปร่างสูง โปร่ง ถึงจะไม่ผึ่งผายเหมือนผู้กองหน้าเข้มก็ตามเถอะ
"แต่ไม่แน่นะ อยู่ที่นี่ผมอาจจะอ้วนขึ้นก็ได้ ฝีมือทำกับข้าวของแพรสาอร่อย เด็ดจริงๆ ถ้าผมมีโอกาสได้ทานฝีมือแพรสาตลอดชีวิตก็คงดี"
ท้ายเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานจนคนฟังคร้านจะแหย่เล่น แววตาลูกชายท่าน รัฐมนตรีนุ่มนวลชวนฝืนเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งตกอยู่ในภวังค์รัก ยิ่งเห็นเรือน ร่างบอบบางของแพรสาเดินตรงเข้ามา แววหวานนั้นก็ยิ่งปรากฎอย่างเด่นชัด
"มีอะไรจ๊ะแพร"
แม่แรงตะเข้

ผมจะดูแลเอง

"ปีบก็ไม่ได้รังเกียจนะคะ แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะ" "ทำไม เกรงใจผู้กองหรือ ไม่ต้องห่วง ผมกับเขาคุยกันรู้เรื่อง" กาชะลองเพียงแต่ค้อนนิดๆ และอีกฝ่ายก็มองอย่างเอ็นดู ถ้าไม่เกี่ยวกับ เรื่องงานหรือพักผ่อนกับเพื่อนสนิท การไปพักค้างอ้างแรมกับสถานที่แปลก®า ดูจะห่างไกลกับความเป็นกาชะลอง
ตอนที่เริ่มทำคะแนนกับหล่อน เขาเคยชวนไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศกับ คุณหญิงยุพาพักตร์ผู้เป็นมารดา ไม่ว่าจะอ้อนจะวอนอย่างไรหล่อนก็เฉย แถม แสดงออกให้เห็นด้วยว่าไม่ชอบใจ นอกจากนั้นยังได้ข่าวลูกชายนายธนาคารรวม ทั้งลูกคหบดีชื่อดังอีกหลายคนที่ถูกปฏิเสธหน้าหงาย จะมีก็แต่ร้อยตำรวจเอก ศกรที่กาชะลองยอมไปไหนมาไหนด้วย และที่น่าแปลกใจที่สุดก็เมื่อได้ข่าวหล่อน ยอมไปพักนร่างกายถึงบ้านเ?งเขาของผู้กองร่างใหญ่นายนั้น
มูลเหตุแค่นี้แต่เขาก็พอจะรับรูIด้ว่ากาซะลองมีใจให้กับร้อยตำรวจเอกศกร มากไปกว่าเพื่อนเก่า ก็น่าอยู่หรอกเพราะมาดผู้กองหน้าเข้มกินขาด ผึ่งผายสม ชายชาตรีไปทุกกระเบียด
"เป็นไง บ้านเชิงเขาของผู้กอง น่าอยู่มั้ย"
ค้อนอีกเพราะสายตาของลูกชายท่านรัฐมนตรีบอกอยู่ทนโท่ว่ากำลังล้อเลียน
"เบื่อๆ ก็ลองแวะไปเที่ยวสิคะ ผู้กองเขาคงยินดี แล้วถึงตอนนั้นคุณก็จะ
รู้เองว่าน่าอยู่หรือเปล่า!,'
"ถึงจะอยากอยู่อย่างไร ผมว่าผู้กองเขาก็คงไม่ให้ผมอยู่หรอก นี่ก็เพราะ กันตัวผมไว้เป็นพยาน ไม่งั้นพ่อคงแพ่นกบาลไล่ให้ผมกลับกรุงเทพ*'1 ไปแล้ว สายตาแกขวางจะตายเวลามองผม คงหวงๆ ปืบมั้ง"
"ดิสธร" ลากเสียงเข้มแกมดุ แต่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่รูIม่ชี้เหลียวซ้ายแลขวา ไปเรื่อย
"แล้วนี่ผู้กองไปไหนล่ะ ไม่เห็นชวนมาคุยด้วย"
"เดี๋ยวคงมาค่ะ เห็นแครถอยู่ เป็นอะไรไม่รู้ วิ่งตะกุกตะกักมาตลอดทาง" "เผลอไปเหยียบอะไรเข้ารึเปล่า ท่าทางผู้กองแกยิ่งสมบุกสมบันอยู่ด้วย" เกือบจะขยับปากบอก ก็เมื่อคืนเขาโปสมชุกสมบันกับผู้ร้ายมา แต่ยินคำ แม่แรงไฟฟ้า
ที่ศกรบอกให้ทำเฉยเสียไม่ต้องแสดงท่าทีอ^ร และสาย91าของดํสธรก็ไม่ได้ฉาย
กาซะลองอมยิมเมื่อคนที่เอ่ยถามกลับกลายเป็นดิสธร เด็กสาวหลบตา ฝ่ายนั้นอย่างขวยเขินหันมาตอบนายสาว "คุณพันธุรพีมาค่ะ ให้มาเรียนว่าคอย คุณปีบที่ห้องรับแขก"
เหมือนทุกคนจะรู้ ดิสธรทำหน้าแหยงในขณะที่ศกรบอกหญิงสาว "งั้นผมเห็นจะต้องขอตัว พักผ่อนให้มากๆ นะปีบ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ 'บ้าน' ผมจะดูแลเอง"
ยิ้มนิดๆ ให้เขาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินตรงไปที่รถ ดวงตาคมหันกลับ มาก็เห็นดิสธรเผ่นไปยีนอยู่เคียงข้างเด็กสาว แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"ส่วนผมก็ขอตัวไปทานของว่างก่อนนะปีบ ไม่รู้เป็นไรเห็นหน้าแพรแล้วหิว ขึ้นมาทุกที"
รู้วาคนพูดพูดไใ.เอย่างนั้น ดูเหมือนทุกคนในบ้านจะคอยหลบหลีกผู้เป็น ยายเล็กอยู่เสมอ อาจจะแม้กระทั่งตัวหล่อนเอง เดินตรงไปยังห้องรับแขก และคุณพันธุรพีก็เพียงทักสันๆ
"หายดีแล้วหรือถึงได้กลับมา แล้วนายศกล่ะ" นํ้าเสียงดูแคลนเด่นชัด กาซะลองกลืนนํ้าลายเหนียวๆ ลงคอ ตอบลันๆ
"ไปทำงานค่ะ"
ผู้เป็นยายพยักหน้าน้อยๆ เหมือนจะถามไปอย่างนั้น ในใจคุณพันธุรพีเต้น
ตึกตัก  ห่วงท่าน่าเกรงขามดูเหมือนกาซะลองจะถอดแบบมาจากคุณ1เรียางค์ศรี แม่แรงตะเข้
มาทุกกระเบียด เดา1จไม่ถูกว่าตอนนี้หลานสาวคิดอย่างIร หลังตรงสง่านั่งนิ่ง ใบหน้าแทบไม่มืรอยยิ้ม มันทำให้ความน่าเกรงในตัวหลานเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี พยายามข่มใจไว้ อย่างไรเสียเรื่องที่ 'ตั้งใจ' มาเยีอนที่'นี่ย่อมเป็นลิ''งสำคัญที:สุด กาซะลองไม่ได้แปลกใจเมื่อได้ยินสิงที่คุณพันธุรพีพูด เพียงแต่นึกไม่ถึง ว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ หญิงสาวพูดเนือยๆ "เอาไว้ให้ถึงวันเปิดพินัยกรรม ก่อนดีมั้ยคะ เราถึงคุยเรื่องนี้ ตอนนี้พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เรายังไม'รู้เลยนะคะ ว่าจริงๆ แล้วคุณยายท่านระบุไว้อย่างไร"
"ปีบเป็นหลานรัก คุณพี่ต้องยกทุกอย่างให้ปีบอยู่แล้ว" "มันก็ไม่แน่นะคะ ท่านอาจจะยกทุกอย่างให้เป็นของสาธารณกุศลก็ได้ ในเมื่อ 'เรา' เองก็ไม่ได้ลำบากเดือดร้อนอะไร อาจจะมีมากเกินพอเสียด้วยซา"
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

ป้าคำสร้อยก็เดาออก

"ปีบคนเดียวน่ะสิที่ไม่เดือดร้อน ยายกับนายฤษด์ตอนนี้แทบเอาตัวไม่รอด" กาซะลองเลิกคิ้ว เป็นเรื่องใหม่ที่หล่อนเองเพิ่งรู้ คุณพันธุรผีกับนาย
แพทย์สฤษด์คุณน่ะหรือที่เอาตัวไม่รอด ภายใต้ความหรูหราฟูฟาหล่อนยังไม่เห็น
มุมนี้
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ สายตาที่ฉงนสงสัยในความคลอนแคลนของฐานะเป็น สิงที่คุณพันธุรพีทนไม่ไดไม่ว่ากับใคร ร่างงามสง่ายืดตัวตรงขึ้นกล่าวอ้อมแอ้ม
"ก็ไม่ได้ถึงกับแร้นแค้นอะไรหรอก ปีบก็รู้ ฐานะอย่างเราๆ ความจนยังไง ก็เอื้อมมาไม่ถึง แต่ยายหมายถึง...ตอนนี้ธุรกิจของนายฤษด์กำลังมีป้ญหา ถ้ามี เงินมาหมุนเวียนเป็นทุนสำรอง มันก็น่าจะดี"
กาชะลองแค่นยิ้ม ก็เพราะ3งนี้มิใช่หรือ ความจนไม่มีวันเอื้อมถึง มันถึง เกิดแต่เ'รองวุ่นวาย ความโชคร้ายหายนะ คุณยาย 'ต้อง' จากไปก่อนวัยอันควร
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ บริเวณ คุ้มภูคากาซะลองดูเงียบเหงา แม้แต่ต้นไม้ทุกต้นก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันเหี่ยวเฉา ใบสีเหลืองเหี่ยวแห้งเหมือน จะเป็นคำตอบ
ทุกอย่างปราศจากความมีชีวิตซีวา
"ถ้าคุณยายเล็กต้องการ ก็ตามใจค่ะ ปีบเองก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่อยู่แล้ว"
เป็นคำพูดง่ายๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน เหมือนคนพูดจะพูดไปอย่างนั้น แต่ จากดวงตาคมเข้มคุณพันธุรพีรู้ว่าหลานสาวพูดจริง
ดวงหน้าเรียวซูบซีด ริมฝีปากแห้งผาก ผมยาวหยิกปล่อยสยายดูราวกับ เจ้าตัวจะไม่ได้ใส่ใจ ผิดกับตอนที่เฉิดฉายบนจอทีวี ยามนั้นหล่อนดูงดงามเปล่ง ปลั่งสมเป็นดาวจรัสฟ้า ไม่น่าเชื่อ ความทุกข์ใจจะคร่าวิญญาณหล่อนไปได้ถึง เพียงนี้ นับวันกาซะลองยิ่งทรุดโทรม
แก้วนั้าลำไยที่คำสร้อยยกเสิร์ฟให้คุณพันธุรพีแทบหลุดจากมือเมื่อได้ยิน การสนทนาของเจ้านาย มันสั่นระริกเมื่อได้ยินคุณปีบว่าต่อ แม่แรงไฟฟ้า
"เรื่องจะขายคุ้มปีบไม่ขัดข้อง แต่เรื่องเผาคุณยายปีบขอให้เป็นร้อยวัน เหมือนเดิม"
"แต่ยายกลัวว่าวิญญาณคุณพี่จะไม่ยอมไปผุดไปเกิด เผาเลยแล้วกันจะ ได้ขายๆ"
ลูกชายหมายปองอยู่วิ่งมาเปิด อารมณ์เคืองขุ่นผุดขึ้นอย่างช่วยไม'ได้ ยิ่งคิดไปถึง วันที่ลูกชายเกิดสักชิงนางกับไอ้หน้าปลาจวดลูกชายรัฐมนตรีสมศักดึ๋ก็ยิ่งอับอาย
ลูกหนอลูก จะรักจะชอบใครก็ช่างไม่เลือก อย่าว่าแต่เด็กคนนี้จะมาเป็น ศรี'สะ■ใภ้ได'เลย แม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมอง
รถคันยาวใหญ่ของคุณพันธุรพีแล่นออกไปแล้ว แพรสาจึงเดินกลับเข้ามา ในครัว เพียงแค่เห็นสีหน้าของเด็กสาว ป้าคำสร้อยก็เดาออก แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"คุณพันธ์รพี!"
ไม่มีการขยายความต่อ เพียงแค่เอ่ยชื่อต่างก็รู้ความนัยแห่งถ้อยคำนั้น แพรสายมเยาะให้กับตัวเองเมื่อคิดถึงคำพูดของนายแพทย์สฤษด์คุณ 'จะรัก ยกย่องหล่อนออกหน้าออกตา'
คงเป็นไปได้หรอก นับวันคุณพันธุรพียิ่งเกลียดหล่อนอย่างกับไ8เดือน
กิ้งกือ!
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อหัวใจไม่ได้ต้องการร่วมหมอนเคียงเสื่อกับนาย แพทย์ใหญ่อยู่แล้ว คุณพันธุรพีจะรู้สีกอย่างไรก็ไม่สำคัญ ป้ญหามันอยู่ที่คำบอก เล่าที่ป้าคำสร้อยนำมาบอกต่างหาก
"คุณปีบเธอพูดจริงหรือป้า ที่จะขายที่นี่" แม่แรงตะเข้
"จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เธอก็พูดไปแล้ว แต่แกไม่ต้องห่วงหรอกนะแพร" ป้าคำสร้อยรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของเดกสาว
"คุณปีบเธอจะรับแกไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ จะส่งเสียเลี้ยงดูให้แกเรียนต่อ"
"มันไม่ใช่เรื่องนี้หรอกป้าที่ฉันเป็นห่วง" แพรสาถอนหายใจออกมานิดๆ มองหน้าผู้สูงวัยกว่านิ่ง
"เพียงแต่ฉันอยากรู้ว่าคุณปีบเธอคิดอย่างไรถึงตัดสินใจขายที่นี่"
แม่แรงไฟฟ้า

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นี่ถ้าคุณปีบไม่เรียก ปานนี้จะเกิดอะไรขึ้น

ร่างโปร่งระหงที่กำลังเปิดตู้เก็บชองรื้อนั่นรึ้อนี่พลันหยุดชะงักเมื่อมีเสียง กุกกักดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง พอเสียวหน้าคมหันกลับไปมองก็เห็นร่างบอบบาง ของแพรสายืนตัวลันระริก ผมยาวหลุดลุ่ยหล่นลงมาที่หน้าผ่องเกลี้ยงเกลาดู ยุ่งเหยิง ผ้ากระโจมอกที่นุ่งแลดูไม่เรียบร้อย ดีที่มีผ้าขนหนูผืนโตคลุมร่างอยู่โดย เจ้าตัวคอยจับไว้แน่น หน้าตาที่เคยสวยใสดูซีดเผือด
"เป็นอะไรไปหรือเปล่าจ๊ะแพรสา" กาซะลองเอ่ยถาม ยิ่งเห็นดวงตาโตดู หม่นหมองก็ยิ่งแปลกใจ แพรสาไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้ แม่แรงไฟฟ้า
"ปละ...เปล่าค่ะ...." เด็กสาวรีบปฏิเสธเสียงสั่นระริก ยังอกสั่นขวัญหนีไม่ หายกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่ นี่ถ้าคุณปีบไม่เรียก ปานนี้จะเกิดอะไรขึ้น
"พอดีแพรกำลังอาบนี้าอยู่เลยช้า ต้องขอโทษคุณปีบด้วยนะคะ คุณปีบมี อะไรให้แพรรับใช้คะ"
"ฉันหาชาที่จะชงให้คุณยายไม่เจอน่ะ เก็บไว้ที่ไหนจ๊ะ"
"ป้าคำสร้อยเก็บไว้บนตู้น่ะค่ะ" แพรสารีบเดินตรงไปหยิบห่อใบชาที่วาง อยู่บนตู้มายื่นให้นายสาว เพียงปลายนิ้วสัมผัส กาซะลองก็รับรู้ได้ว่าปลายนิ้ว ของเด็กสาวเย็นเฉียบพิกล
เว้นจังหวะไปเพียงนิดเดียวที่ได้ยินเสียงวัตถุตกกระทบพื้นโดยแรง ภาพความฝืนผุดขึ้นมาอีกคราว เลือด...ความตาย...การพลัดพราก
กาชะลองทิ้งผ้านวมที่ถือในทันที หญิงสาวรีบสาวเท้าตรงไปยังห้องผู้ เป็นยาย และเพียงเปิดประตูเข้าไปก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม่แรงยกรถ
คุณปรียางค์ศรีกำลังก้มลงเก็บแก้วชาที่แตก กาซะลองรีบเดินไปช่วยผู้เป็น ยายเก็บเศษแก้วที่แตกกระจาย
"คุณยาย ปีบเก็บเองดีกว่าค่ะ"
"ตายจริง ขอโทษด้วยนะแม่ปีบ ยายชุ่มซ่ามไปหน่อย นี่ทำให้หนูตื่นเลยหรือ" บอกผู้เป็นหลานด้วยรอยยิ้ม แต่มือเหี่ยวย่นก็ยังไม่ยอมละ ท่านค่อยๆ หยิบเศษแก้ว ละเอียดออกทีละนิดๆ จนผู้เป็นหลานต้องดึงร่างบางนั้นออกพาเดินไปที่เตียง
"ปีบยังไม่ได้นอนหรอกค่ะ พอดีได้ยินเสียงคุณยายไอ ว่าจะเดินมาดูก็ได้ยิน เสียงแก้วแตกเสียก่อน ตกใจหมด นึกว่าคุณยายเป็นอะไร"
"ยายเกิดอยากดื่มชาของพ่อดิสธรเขาน่ะ ขี้เกียจลุกเลยยื่นมือไปหยิบ กะพลาด ไปหน่อยมันเลยพลัดตกมือ" บอกเหมือนเด็กกำลังสารภาพผิด กาซะลองมองไป ตามที่ผู้เป็นยายเล่าก็เห็นกานาชาตั้งอยู่บนโต๊ะไม่ห่าง หญิงสาวยิ้มอ่อน พลางบอก
"งั้นเดี๋ยวปีบไปหยิบให้ใหม่นะคะ" มือเรียวงามหยิบกานาชาขึ้น รู้สักได้ถึง ความเบาโหวง แสดงว่ารสชาของดิสธรก็คงดีไม่เบา แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"หมดแล้ว ปีบไปต้มให้คุณยายใหม่ดีกว่า คุณยายรอเดี๋ยวนะคะ" ไม่รอให้ ผู้เป็นยายปฏิเสธ ร่างงามระหงก็ถือกาก้าวฉับๆ เดินไปยังเรือนครัวที่อยู่ไม่ห่าง กาซะลองมัวแต่รีบเร่งจึงไม่ทันสังเกตเห็นพุ่มไม้ที่ไหวอยู่ด้านข้าง
แพรสาถือโอกาสที่นายสาวเดินผ่านดิ้นรน แต่ร่างเล็กบางก็ยังถูกรัดแน่น ด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่ง
"ปล่อยแพรนะคะคุณหมอ!" นํ้าเสียงเกรี้ยวกราดเล็ดลอดไรฟัน แต่ก็เป็น เพียงเสียงกระซิบ เรื่องไม่งามหน้าแบบนี้โวยวายก็อายเขาเปล่า ในเมื่อนาย แพทย์สฤษด์คุณก็ถือเป็นนายคนหนึ่ง
"ไม่ปล่อย" นายแพทย์หนุ่มกระซิบ ถือโอกาสสูดความหอมหวานจากแก้มนวล ปลั่ง เด็กสาวเบือนหน้าหนี รังเกียจจน,แาตาคลอเบ้า
แม่แรงยกรถ