วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คุณปีบ...คุณปีบเป็นอะไรคะ

จะเป็นบ้านเกิดของหล่อน แต่หล่อนก็จากที่นี่ไปหลายปี นานจนความคุ้นเคย
บางอย่างแทบจะจางหายไปจากมโนนึก
รู้สืกเหมือนจะชาวูบไปทั้งร่าง เมื่อเห็นเงาบางสิงเคลื่อนผ่านจากมุมระเบียง
ที่ทอดไปส่ตัวห้องประมุขของบ้านอย่างช้าๆ
"คุณยาย!" เร็วเท่าความคิด หล่อนรีบสาวเท้าวิ่งตามไปทันที
เงานั้นดูจะรู้ตัว...มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานลมพัดแล้ววูบหาย กาซะลอง
รีบเร่งฝืเท้า แต่พลันสะดุดเมื่อร่างปะทะกับความนุ่มหยุ่นของบางอ่ย่างพร้อมกับ
เสียงร้องว้าย แม่แรงไฟฟ้า
"คุณปีบ...คุณปีบเป็นอะไรคะ" คำสร้อยรีบประคองร่างระหงที่ล้มเค้เกัไม่ เป็นท่าของผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณปีบขึ้นมา กาซะลองผวา แต่ยังหันมองโดยรอบ
"คำสร้อย...คำสร้อยเห็นใครเดินผ่านไปที่ห้องคุณยายมั้ย"
หญิงวัยกลางคนข้าเก่าเต่าเลี้ยงของคุ้มภูคากาซะลองนิ่งคิดไปครู่ ก่อนบอก "ไม่เห็นนี่คะ ดิฉันเองก็เพิ่งมาจากห้องของคุณท่าน คุณปีบเห็นอะไร ใครหรือ คะ" ท้ายเสียงส่อความสงสัยระคนประหวั่นพรั่นพรึง กาซะลองรีบปฏิเสธด้วย เกรงว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในบ้านมากเกินไป
คำสร้อยมองดูนายหญิงของบ้าน หลานสาวคนโปรดของคุณปรียางค์ศรี หน้าผอมเรียวซูบซีดไม่เห็นจะงดงามสะดุดตาเหมือนอย่างที่เฉิดฉายบนจอทีวี ดวงตาคมหม่นเศร้าแฝงไว้ด้วยความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"คุณปีบไม่ค่อยสบาย ไม่พักผ่อนหน่อยหรือคะ เพิ่งจะตีสี" เอ่ยถาม อย่างเกรงใจ กาชะลองตอบเสียงโหย
"ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เลยว่าจะไปหาคุณยายเสียหน่อย แล้วคำสร้อยล่ะ ตื่นทำไมแต่เช้า"
"ทำกับข้าวใส่บาตรค่ะ คุณท่านสั่งให้ทำทุกวัน ช่วงนี้คุ้มเรามีเรื่องมีราวบ่อยๆ" "มีเรื่องอะไร" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คุ้มภูคากาซะลองมีเรื่อง...มีเรื่องโดย ที่หล่อนไม่รู้
"เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปโรงครัวก่อนนะคะ" บอก ก่อนรีบลนลานจากไป กาซะลองยืนคว้าง เกิดคำถามมากมายในใจ ความฝันของหล่อน...จะเฝ็นลางบอกเหตุบางอย่างหรือ...
"คุณยาย!!!" กาซะลองหวีดลั่น...ทะลึ่งตัวตื่นบนเตียงเหงื่อแตกพลั่ก รู้สืก เหมือนมีใครคนหนึ่งที่กำลังนอนคุดคู้อยู่เบี้องล่างผวาเฮือกขึ้นมาหาหล่อน
"คุณปีบคะ คุณปีบ" แพรสารีบเอื้อมมีอไปเขย่าตัวกาซะลอง นายสาวหน้า ซีดปากสั่นถามละลํ่าละลัก
"คุณยาย คุณยายอยู่ที่ไหน" แม่แรงตะเข้
"คุณท่านอยู่ที่ห้องค่ะ นอนหลับอยู่"
กาซะลองถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกมือขึ้นลูบหน้าที่พราวไปด้วยเหงื่อ กวาดสายตามองไปรอบบริเวณ ภาพคุ้นตาค่อยปรากฏ ม่านสีขาวที่ติดอยู่ริมหน้าต่าง พลิ้วไหวราวกับกำลังฉายให้เห็นภาพเด็กตัวน้อยนั่งเย็บผ้าม่านผืนยาวกับหญิง ชราญ้ยังคงความสง่า มือเล็กๆ จับเข็มอย่างเก้ๆ กังๆ ผืนผ้าบิดไม่เป็นรูปเป็น ร่าง   ผู้สูงวัยกว่าต้องเอื้อมมือมาช่วยอีกแรง  จนผ้ายาวผืนนั้Vเกลายเป็นผ้าม่าน
ผืนสวยและถูกนำไปติดไว้ที่หน้าต่างทั่วทั้งห้องท่ามกลางความภูมิใจของเจ้าตัว ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นฝืมือของผู้เป็นยายล้วนๆ
ความทรงจำทุกอย่างมันซ่างเด่นชัด...ข้าวชองทุกอย่างทีวางอยู่ไม่เคย เปลี่ยนแปลง นัยน์ตาคมกะพริบถี่ๆ หค่อนมาถึงคุ้มภูคากาซะลองแล้ว
แพรสาค่อยๆ ช้อนสายตามองกาซะลอง ไม่ค่อยกล้ามองอย่างเต็มตาเพราะ คำที่พ่อพรํ่าสอน 'ท่านเป็นนาย เราเป็นบ่าว อย่าวางตนเสมอท่าน'
"คุณปีบเจ็บหลังหรือคะ" หล่อนหมายถึงอาการที่อาจหลงเหลือจากการตก มอเตอร์ไซค์ กาซะลองส่ายหน้าดก ยังอกสั่นขวัญหายกับฝืนร้ายเมื่อครู่
"ฉันจะไปหาคุณยาย"
"คุณท่านสั่งให้คุณปีบพักผ่อนค่ะ ท่านเป็นห่วง ตากฝนมาแล้วยังประสบ อุบัติเหตุอีก"
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างพยายามทบทวนความคิด หล่อนน่ะหรือประสบ อุบัติเหตุ
"คุณปีบตกมอเตอร์ไซค์น่ะค่ะ" แพรสาช่วยบอก เพราะเห็นสีหน้านายสาว แล้วท่าทางจะจำไม่ได้จริงๆ แต่พอบอกแล้วคุณปีบกลับยิ่งตีหน้าเข้มจนแพรสา นึกแหยง หารู้ไม่ว่าคุณปีบกำลังเข่นเขี้ยวในใจ
ตาบ้าเอ๊ย ตอนเด็กทำฉันตกจักรยาน พอโตขึ้นมายังทำฉันตกมอเตอรIซค์อีก
แม่แรงตะเข้

"ใครบอกว่าฉันไม่มา!"

พูดมาก่อน
"นั่งมอเตอร์ไซคIด้มั้ย ถ้าได้จะไปส่ง" "มอเตอร์ไซค์...ตอนฝนตกเนี่ยนะ"
"จะไปหรือไม่ไป หรือจะไปนั่งอยู่ที่ป้อม แต่ผมว่าคุณยายคุณคงไฝสบายใจ นักหรอก ถ้ารู้ว่าหลานสาวคนโปรดต้องมานั่งตากฝนม่อลอกม่อแลกอย่างนี้"
เซอะ.' ทำเป็นเอาคุณยายมาอ้าง กาซะลองคอแข็ง อยากจะว่าให้เจ็บๆ แสบๆ คืนไปบ้าง แต่ที่ทำได้คือหุบปากสนิท เดินตามร่างสูงใหญ่ที่จํ้าอ้าวไปยัง มอเตอร์ไชค์ที่จอดอยู่ ก็ผู้ชายคนนี้เหมือนคนอื่นซะทิ่ไหน ขืนไปออกฤทธึ๋ออก เดชมาก เขาก็คงทิ้งหล่อนไว้ข้างทางเหมือนอย่างที่เคยทิ้งมาแล้วนั่นแหละ
นี่ถ้าไม่เป็นเพราะความห่วงคุณยาย จ้างให้หล่อนก็ไม่ง้อหรอก
ศกรหันไปสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชา จ่าเมฆและเพื่อนพ้องตะเบ๊ะรับ แต่ แอบกระซิบปนหัวเราะคิกคัก
"ระวังจะหลงเสน่ห์ดาราดังนะผู้กอง"
"บ๊ะ เจ้านี่ ประเดียวโดนอัด ไปทำงานที่สังแล้วพๅเงนี้เจอกันที่โรงพัก"
"แล้วทำไมต้องพรุ่งนี้ด้วยล่ะผู้กอง" จ่าเมฆยังไม่วายแหย่ ศกรตีหน้าเข้ม
"จะไปทำงานตามที่สั่งหรือว่าจะย้าย" แม่แรงไฟฟ้า 
"ทำงานครับผู้กอง!"
นี้าเสียงที่ตอบจริงจัง แต่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาแอบยิ้มยามพูด ขบวนการ ตีหน้าดุหน้าเข้มไม่มีใครเกินผู้กองศกร แต่ความใจนักเลงมีนี้าใจของผู้กองก็ได้ขึ้น ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งเหมือนกัน
กาซะลองแอบเบ้ปาก เฮอะ ก็แค่ผู้กอง ทำเป็นเต๊ะ
"เร็วคุณ!" เขาหันมาดุหน้าเคร่ง
"ฉันช้าที่ไหนเล่า ที่ช้าก็เพราะว่ารอคุณนั่นแหละ" หญิงสาวเบ้ปากให้เห็น ชัดๆ ก่อนเดินไปเปิดประตูรถหยิบสัมภาระส่วนตัวมาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขา ศกรยื่นหมวกกันน็อคให้ แต่เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของหญิงสาว มือคร้ามใหญ่ ก็ยื่นมาจัดการให้ กาซะลองคอแข็ง รีบเมินสายตาคมๆ ที่มองตรงมา แต่ กระนั้นยังรู้สืกเหมือนมีผืนผ้าใบมาคลุมทับร่างเบาๆ เสียงเข้มสำทับ
"ใส่เสือกันฝนซะ หมวกใบแค่นี้กันอะไรไม่ได้หรอก" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
ชาวบ้านเขารู้กันดี คุณเองก็น่าจะรู้!" นํ้าเสียงนั้นกึ่งตำหนิ แต่เพียงชั่วครู่เสียง ห้าวๆ ก็พูดต่อ "อ้อ ขอโทษที ลืมไป คุณไม่ได้มาที่นี่เป็นสิบๆ ปีแล้วนี่"
"ใครบอกว่าฉันไม่มา!"
"งั้นคุณมางั้นรึ" แม่แรงตะเข้
เหมือนมีรอยยิ้มเยาะจนคนถูกมองหน้าร้อนผ่าว อีตาศกรบ้า/ ทำมาเป็นรู้ดี "ฉันจะมาหรือไม่มา คุณจะรู้ได้ยังไงไม่ทราบ"
ศกรต้องกลั้นยิ้มขำกับอาการเชิดหน้านั้น หล่อนจะรู้ตัวบ้างไหมหนอ ว่า ดาราสาวชื่อดังในวันนี้ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกับเด็กหญิงกาซะลองเมื่อวันก่อนเลย แม่ลูกเป็ดขี้เหร่ของนายศกร!
"นั่นสินะ" เขาพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าเหมือนไม่สนใจ แต่กาซะลองรู้ ขบวนการเจ้าเล่ห์รู้ทันไม่มืใครเกินนายศกรคนนี้หรอก
ร่างสูงใหญ่เดินห่างไปจากหล่อนเพื่อจัดการกับการทำงานต่อ กาซะลอง เดินเลี่ยงไปยืนหลบฝนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ รอบบริเวณเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียง สายฝนที่เทกระหนํ่า สายฝนยามเมื่อสัมผัสกระทบกับผีนผ้าใบของร่มคันจิ๋วยิ่ง ดังก้องกังวาน
เหลือบสายตามองไปทางศกร ร่างสูงใหญ่ยังคงสาละวนกับต้นไม้ใหญ่นั้น เสียวหน้าคมเข้มเคร่งเครียด ไม่ส่อเค้าความขี้เล่นช่างยั่วเหมือนเมื่อยามที่เขาอยู่กับ หล่อนแม้แต่นิดเดียว แวบหนึ่งที่กาซะลองอดคิดไปถึงวัยเด็กไม่ได้ เด็กชาย ตัวผอมสูงวันนั้นไม่มีเค้าที่จะเติบโตแข็งแกร่งเป็นนายตำรวจร่างใหญ่เช่นนี้เลย
ก็ยังดีที่เจอเพี่อนเก่า ถึงจะไม่ใช่เพี่อนเกลอก็'ตามเถอะ ไม่เช่นนั้นแล้วป้าน ฉะนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ บรรยากาศรอบข้างในคีนฟ้าคลั่งยิ่งน่ากลัวอยู่ด้วย
"คุณคงไปต่อไม่ได้หรอก รถมันเสีย" เขาเดินมาบอกเสียงเรียบๆ แต่ กาซะลองสะดุ้งโหยง
"เสีย! มันจะเสียได้ยังไง นี่มันรถป้ายแดงนะ ฉันเพิ่งถอยออกมา โฆษณา เขาก็บอกออกดิบดีว่าสมรรถนะดีเยี่ยม บุกปาฝ่าดงแค'ไหนก็ได้ แล้วนี่มันอะไร"
"ไม่รู้สิ ผมไม่ใช่เซลส์ที่ขายรถให้คุณ"
กาชะลองอ้าปากหวอ เห็นมั้ย อีตานี่ ดีด้วยเป็นไม่ได้ ขนาดเพิ่งคิด ในใจแท้ๆ เชียว แต่ยังไม่ทันที่ริมฝืปากเต็มอิ่มจะได้โต้ตอบ คนหน้าเข้มก็ชิง
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

กาซะลองเบ้หน้า ตอบเสียงดังฟังชัด

มอเตอร์ไซด์คันใหญ่พาหล่อนและเขาแล่นฝ่าพายุฝนออกไป แม้จะมี หมวกกันน็อค แต่กาซะลองยังรู้สึกถึงแรงลมที่พัดมาปะทะใบหน้า
ทั้งหนาวทั้งเย็นทั้งมืดจนหงุดหงิด...พายุบ้าอะไร เมื่อไหร่จะหยุดๆ เสียที
มองแผ่นหลังกว้างที่อยู่เบื้องหน้า แต่ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ไหวติงกับแรงลม นั้นแม้แต่นิดเดียว ศกรยังนั่งนิ่งเป็นสง่า ใช้สมาธิกับการพาพาหนะไปให้ถึง จุดหมาย ชายหนุ่มรู้สึกถึงระยะห่างที่ร่างบอบบางพยายามกันตัวเองเอาไว้
โธ่ แม่เจ้าประคุณ เบาะรถก็มีแค่นี้ นั่งซะห่าง ประเดียวก็ได'ลงไปนอน แอ้งแม้งกับพื้นกันพอดี
"ถ้าไม่รังเกียจ เกาะหลังผมไว้ได้นะคุณ ประเดี๋ยวจะตก" แม่แรงไฟฟ้า
กาซะลองเบ้หน้า ตอบเสียงดังฟังชัด "ฉันรังเกียจ!"
อยากจะหัวเราะดังๆ กับความดี้อดึงของเจ้าหล่อน แต่ร่างของแมวสีดำ ตัวอ้วนใหญ่ที่วิ่งตัดหน้ารถอย่างรวดเร็วทำให้ศกรต้องเบรกรถอย่างกะทันหัน
กาซะลองได้ยินเสียงตัวเองร้องวี้ดออกมาอย่างสุดเสียง รู้สึกเหมือนร่าง จะลอยละล่องอยู่ในอากาศ แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น หลังก็ลัมผัสกับพํ่นแข็งๆ ในทันที
"ไปกับเจ้าหน้าที่ เขาจะไปส่งคุณที่ป้อม" "แล้วรถฉันล่ะ" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"จะเอาไปด้วยมั้ยล่ะ ถ้าเอาก็ลากซากต้นไมไปด้วย' ศกรตอบหน้าตาเฉย และไอ้ความที่หน้าตาเรียบเฉยนี่ล่ะที่ทำให้คนฟังแทบร้องกรี๊ด เพราะในความ รู้สึกของกาซะลองมันช่างกวนประสาทเหลือทน
ด้ายยย อีตา®กร ในเมื่อตั้งใจกวนประสาทฉัน ฉันก็ไม่ยอมแพ้นายหรอก หล่อนพูดออกไปเสียงห้วน ดวงหน้าไม่ได้มองไปทางเขาเสียด้วยซา "แล้วฉันจะ ไปที่ป้อมตำรวจนั่นได้ยังไง...โดยไม่เปียก"
ศกรนิ่วหน้า พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตีรวน ก็...ตามนิกัยเดิมๆ ของเจ้า หล่อนนั่นล่ะ ชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบร่มคันจิ๋วที่เหน็บอยู่ข้างรถส่งให้ "มีแคน ถ้า ต้องการมากกว่านี้ก็...ไม่ได้"
กาซะลองเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเสียไม่ได้ ขณะเอี้อมมีอไปรับร่ม อย่างกระแทกกระทั้น เขาไมใด้สนใจหล่อนแม้แต่น้อย ไม่...แม้แต่จะปรายตามอง รู้สึกเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส และเขาก็เป็นฝ่ายปล่อยร่มซึ่งส่งให้หล่อนก่อน หญิงสาว ได้ยินเสียงห้าวๆ สั่งเจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาด้วยให้จัดการกับสิงที่ล้มลงมาขวางถนน
กาซะลองยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงนั้น ภาพที่เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันคนละไม้ ละมือทำให้หล่อนเกิดความละอายใจอยู่ไม่น้อย หากจะหลบฝนไปนั่งสบายอยู่ คนเดียว แม่แรงตะเข้
"ไปกับจ่าเมฆสิคุณ ที่ป้อมน่ะ ถึงจะเล็กแต่ก็พอกันฝนกันฟ้าได้...กลัวไม่ ใช่หรือไง"
อ้อ.' ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์จำได้ เพราะเมื่อยังเยาว์วัย ยามใดที่ฝนตก หล่อนจะต้องยกมือไหว้ฝนไหว้ฟ้าปลกๆ เพราะกลัวเหลือเกินกับเสียงกึกก้อง กัมปนาทนั่น
แต่พอเหลีอบมองเห็นหน้าคมๆ เข้มๆ ทำตาวาวๆ คำขอบคุณเลยถูก?"เลืน ลงคอ เพราะชักไม่มั่นใจว่าแท้จริงแล้วฝ่ายนั้นมีความรู้สืกประการใด ก็อาจจะ... ประชดเหมือนทุกครั้งมั้ง
"ไม่เป็นไร ฉันมีร่มแล้ว คงไม่เปียกหรอก"
"แถวนี้ถ้าฝนตกฟ้าผ่า ต้นไม้มันก็โค่นลงมาเป็นประจำอย่างนี้แหละคุณ
แม่แรงไฟฟ้า

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"ไม่ไปไหนเหรอคะ"

ร่างผอมกะหร่องที่นอนกระดิกเท้าอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์ภาย ใต้ร่มต้นปีบต้นใหญ่พลันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังอยู่ใกล้ๆ หันขวับไป ก็เห็นหลานสาวคุณปรียางค์ศรียืนกอดอกมองอยู่ สายลมเย็นพัดเอื่อยจนลูกผม ที่ปรกอยู่ตรงใบหน้าหล่อนหล่นมาตกที่หน้าผาก หน้านวลใสดูสดชื่น อาจจะ เป็นความสดชื่นครั้งแรกที่ได้เห็นนับตั้งแต่ประมุขของคุ้มภูคากาซะลองจากไป สายตาของกาซะลองมองเขาอย่างสำรวจตรวจตราติดจะสงสัยอยู่ด้วยซํ้า
"มีอะไรหรือปีบ ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วันมองผมอย่างกับไม่เคยเห็น"
หญิงสาวยิ้มแหย"หน้าขาวๆ ของลูกชายท่านรัฐมนตรีไม่มีร่องรอยใดๆ ที่ผ่านการต่อสัอย่างสดๆ ร้อนๆ มาเลย หากจะมืก็เพียงรอยคลํ้าจางๆ ที่ สฤษด์คุณเคยฝากรอยหมัดเอาไว้เท่านั้น ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และอีกฝ่ายก็หดแข้ง หดขาคืนอย่างเกรงใจ ไม่ใช่ในฐานะที่หล่อนเป็นเจ้าของบ้าน แต่ลักษณะเฉพาะ ตัวบางอย่างที่อย่างไรเสียกาชะลองก็น่า 'เกรง' อยู่ดี แม่แรงไฟฟ้า
"ไม่ไปไหนเหรอคะ"
อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มละไม "ไม่ล่ะ ผมใช้ชีวิตเสเพลมามากพอแล้ว รู้มั้ย ผมอยากจะนอนนิ่งๆ ดูเดือนดูตะวันอย่างนี้มากกว่า ที่นี่ด้วยนะ ถ้าปีบอนุญาต"
แววใดให้จับพิรุธ กาซะลองจึงเฉยเสีย
"อ้าว พูดถึงก็มาพอดี เชิญครับเชิญ ผู้กอง" ลูกชายท่านรัฐมนตรีพูดเอง เออเองเสร็จสรรพ ร่างผอมกะหร่องผุดลุกขึ้นทักทายผู้กองหนุ่มอย่างร่าเริง แต่เพียงเห็นหน้าอีกฝ่ายรอยยิ้มก็หุบในทันใด
"ไปฟัด...เอ๊ย! ต่อยกับใครมาครับเนี่ย เยินไปหมดทั้งตัวผู้กอง" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
ศกรยิ้มน้อยๆ ตามนิสัย มือแข็งแรงลูบใบหน้าที่ยังมีร่องรอยฟกชาเบาๆ "ก็...ผู้ร้ายน่ะครับ ไม่มีอะไร"
ดูจะเป็นการ 'ไม่มีอะไร' อย่างที่บอก แต่อีกครั้งที่ดิสธรรู้สืกเหมือนกำลัง ถูกสำรวจตรวจตราอย่างละเอียด ดวงตาคมกริบมองตามใบหน้าเขาไล่มาตาม ร่างกาย แต่เพียงชั่วครู่ก็ตวัดขึ้นยิ้มดังเดิม
"มีอะไรกันรึเปล่าครับ ตะกี้ผมก็เห็นปีบมองผมด้วยสายตาแบบนี้เหมือนกัน"
"ไม่มีอะไรครับ"
ผู้กองรีบแก้ต่าง สบตากับกาซะลองและเขาก็เห็นหล่อนจ้องมองอยู่แล้ว ตาต่อ ตาสบกันก่อนที่ดวงตาดำใหญ่จะเมินไปอีกทาง ศกรได้ยินเสียงคล้ายถอนหายใจ เบาๆ อย่างโล่งอก และพอเสียวหน้าคมมองกลับมาเขาก็เห็นหล่อนยิ้มน้อยๆ แม่แรงตะเข้
ไม่มืการพูดจา แต่ทั้งค่ก็รู้ว่า บุรุษลึกลับนายนั้นไม่ใช่ลูกชายท่านรัฐมนตรี อย่างแน่นอน
"พอดีเมื่อคืนคุยกันกับปีบถึงคุณ ว่าอยู่ที่คุ้มน่าจะขุนให้อ้วน คุณผอมไปนะ" "ผมน่ะหุ่นนายแบบ"
ลูบพุงที่ปราศจากไขมันอย่างพอใจนิดๆ เพื่อนแม่หลายคนเคยเชิญ1หไป เดินแบบการกุศลอยู่บ่อยๆ มันทำให้ลำพองใจอยู่ไม่น้อยในลักษณะรูปร่างสูง โปร่ง ถึงจะไม่ผึ่งผายเหมือนผู้กองหน้าเข้มก็ตามเถอะ
"แต่ไม่แน่นะ อยู่ที่นี่ผมอาจจะอ้วนขึ้นก็ได้ ฝีมือทำกับข้าวของแพรสาอร่อย เด็ดจริงๆ ถ้าผมมีโอกาสได้ทานฝีมือแพรสาตลอดชีวิตก็คงดี"
ท้ายเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานจนคนฟังคร้านจะแหย่เล่น แววตาลูกชายท่าน รัฐมนตรีนุ่มนวลชวนฝืนเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งตกอยู่ในภวังค์รัก ยิ่งเห็นเรือน ร่างบอบบางของแพรสาเดินตรงเข้ามา แววหวานนั้นก็ยิ่งปรากฎอย่างเด่นชัด
"มีอะไรจ๊ะแพร"
แม่แรงตะเข้

ผมจะดูแลเอง

"ปีบก็ไม่ได้รังเกียจนะคะ แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะ" "ทำไม เกรงใจผู้กองหรือ ไม่ต้องห่วง ผมกับเขาคุยกันรู้เรื่อง" กาชะลองเพียงแต่ค้อนนิดๆ และอีกฝ่ายก็มองอย่างเอ็นดู ถ้าไม่เกี่ยวกับ เรื่องงานหรือพักผ่อนกับเพื่อนสนิท การไปพักค้างอ้างแรมกับสถานที่แปลก®า ดูจะห่างไกลกับความเป็นกาชะลอง
ตอนที่เริ่มทำคะแนนกับหล่อน เขาเคยชวนไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศกับ คุณหญิงยุพาพักตร์ผู้เป็นมารดา ไม่ว่าจะอ้อนจะวอนอย่างไรหล่อนก็เฉย แถม แสดงออกให้เห็นด้วยว่าไม่ชอบใจ นอกจากนั้นยังได้ข่าวลูกชายนายธนาคารรวม ทั้งลูกคหบดีชื่อดังอีกหลายคนที่ถูกปฏิเสธหน้าหงาย จะมีก็แต่ร้อยตำรวจเอก ศกรที่กาชะลองยอมไปไหนมาไหนด้วย และที่น่าแปลกใจที่สุดก็เมื่อได้ข่าวหล่อน ยอมไปพักนร่างกายถึงบ้านเ?งเขาของผู้กองร่างใหญ่นายนั้น
มูลเหตุแค่นี้แต่เขาก็พอจะรับรูIด้ว่ากาซะลองมีใจให้กับร้อยตำรวจเอกศกร มากไปกว่าเพื่อนเก่า ก็น่าอยู่หรอกเพราะมาดผู้กองหน้าเข้มกินขาด ผึ่งผายสม ชายชาตรีไปทุกกระเบียด
"เป็นไง บ้านเชิงเขาของผู้กอง น่าอยู่มั้ย"
ค้อนอีกเพราะสายตาของลูกชายท่านรัฐมนตรีบอกอยู่ทนโท่ว่ากำลังล้อเลียน
"เบื่อๆ ก็ลองแวะไปเที่ยวสิคะ ผู้กองเขาคงยินดี แล้วถึงตอนนั้นคุณก็จะ
รู้เองว่าน่าอยู่หรือเปล่า!,'
"ถึงจะอยากอยู่อย่างไร ผมว่าผู้กองเขาก็คงไม่ให้ผมอยู่หรอก นี่ก็เพราะ กันตัวผมไว้เป็นพยาน ไม่งั้นพ่อคงแพ่นกบาลไล่ให้ผมกลับกรุงเทพ*'1 ไปแล้ว สายตาแกขวางจะตายเวลามองผม คงหวงๆ ปืบมั้ง"
"ดิสธร" ลากเสียงเข้มแกมดุ แต่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่รูIม่ชี้เหลียวซ้ายแลขวา ไปเรื่อย
"แล้วนี่ผู้กองไปไหนล่ะ ไม่เห็นชวนมาคุยด้วย"
"เดี๋ยวคงมาค่ะ เห็นแครถอยู่ เป็นอะไรไม่รู้ วิ่งตะกุกตะกักมาตลอดทาง" "เผลอไปเหยียบอะไรเข้ารึเปล่า ท่าทางผู้กองแกยิ่งสมบุกสมบันอยู่ด้วย" เกือบจะขยับปากบอก ก็เมื่อคืนเขาโปสมชุกสมบันกับผู้ร้ายมา แต่ยินคำ แม่แรงไฟฟ้า
ที่ศกรบอกให้ทำเฉยเสียไม่ต้องแสดงท่าทีอ^ร และสาย91าของดํสธรก็ไม่ได้ฉาย
กาซะลองอมยิมเมื่อคนที่เอ่ยถามกลับกลายเป็นดิสธร เด็กสาวหลบตา ฝ่ายนั้นอย่างขวยเขินหันมาตอบนายสาว "คุณพันธุรพีมาค่ะ ให้มาเรียนว่าคอย คุณปีบที่ห้องรับแขก"
เหมือนทุกคนจะรู้ ดิสธรทำหน้าแหยงในขณะที่ศกรบอกหญิงสาว "งั้นผมเห็นจะต้องขอตัว พักผ่อนให้มากๆ นะปีบ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ 'บ้าน' ผมจะดูแลเอง"
ยิ้มนิดๆ ให้เขาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินตรงไปที่รถ ดวงตาคมหันกลับ มาก็เห็นดิสธรเผ่นไปยีนอยู่เคียงข้างเด็กสาว แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"ส่วนผมก็ขอตัวไปทานของว่างก่อนนะปีบ ไม่รู้เป็นไรเห็นหน้าแพรแล้วหิว ขึ้นมาทุกที"
รู้วาคนพูดพูดไใ.เอย่างนั้น ดูเหมือนทุกคนในบ้านจะคอยหลบหลีกผู้เป็น ยายเล็กอยู่เสมอ อาจจะแม้กระทั่งตัวหล่อนเอง เดินตรงไปยังห้องรับแขก และคุณพันธุรพีก็เพียงทักสันๆ
"หายดีแล้วหรือถึงได้กลับมา แล้วนายศกล่ะ" นํ้าเสียงดูแคลนเด่นชัด กาซะลองกลืนนํ้าลายเหนียวๆ ลงคอ ตอบลันๆ
"ไปทำงานค่ะ"
ผู้เป็นยายพยักหน้าน้อยๆ เหมือนจะถามไปอย่างนั้น ในใจคุณพันธุรพีเต้น
ตึกตัก  ห่วงท่าน่าเกรงขามดูเหมือนกาซะลองจะถอดแบบมาจากคุณ1เรียางค์ศรี แม่แรงตะเข้
มาทุกกระเบียด เดา1จไม่ถูกว่าตอนนี้หลานสาวคิดอย่างIร หลังตรงสง่านั่งนิ่ง ใบหน้าแทบไม่มืรอยยิ้ม มันทำให้ความน่าเกรงในตัวหลานเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี พยายามข่มใจไว้ อย่างไรเสียเรื่องที่ 'ตั้งใจ' มาเยีอนที่'นี่ย่อมเป็นลิ''งสำคัญที:สุด กาซะลองไม่ได้แปลกใจเมื่อได้ยินสิงที่คุณพันธุรพีพูด เพียงแต่นึกไม่ถึง ว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ หญิงสาวพูดเนือยๆ "เอาไว้ให้ถึงวันเปิดพินัยกรรม ก่อนดีมั้ยคะ เราถึงคุยเรื่องนี้ ตอนนี้พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เรายังไม'รู้เลยนะคะ ว่าจริงๆ แล้วคุณยายท่านระบุไว้อย่างไร"
"ปีบเป็นหลานรัก คุณพี่ต้องยกทุกอย่างให้ปีบอยู่แล้ว" "มันก็ไม่แน่นะคะ ท่านอาจจะยกทุกอย่างให้เป็นของสาธารณกุศลก็ได้ ในเมื่อ 'เรา' เองก็ไม่ได้ลำบากเดือดร้อนอะไร อาจจะมีมากเกินพอเสียด้วยซา"
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

ป้าคำสร้อยก็เดาออก

"ปีบคนเดียวน่ะสิที่ไม่เดือดร้อน ยายกับนายฤษด์ตอนนี้แทบเอาตัวไม่รอด" กาซะลองเลิกคิ้ว เป็นเรื่องใหม่ที่หล่อนเองเพิ่งรู้ คุณพันธุรผีกับนาย
แพทย์สฤษด์คุณน่ะหรือที่เอาตัวไม่รอด ภายใต้ความหรูหราฟูฟาหล่อนยังไม่เห็น
มุมนี้
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ สายตาที่ฉงนสงสัยในความคลอนแคลนของฐานะเป็น สิงที่คุณพันธุรพีทนไม่ไดไม่ว่ากับใคร ร่างงามสง่ายืดตัวตรงขึ้นกล่าวอ้อมแอ้ม
"ก็ไม่ได้ถึงกับแร้นแค้นอะไรหรอก ปีบก็รู้ ฐานะอย่างเราๆ ความจนยังไง ก็เอื้อมมาไม่ถึง แต่ยายหมายถึง...ตอนนี้ธุรกิจของนายฤษด์กำลังมีป้ญหา ถ้ามี เงินมาหมุนเวียนเป็นทุนสำรอง มันก็น่าจะดี"
กาชะลองแค่นยิ้ม ก็เพราะ3งนี้มิใช่หรือ ความจนไม่มีวันเอื้อมถึง มันถึง เกิดแต่เ'รองวุ่นวาย ความโชคร้ายหายนะ คุณยาย 'ต้อง' จากไปก่อนวัยอันควร
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ บริเวณ คุ้มภูคากาซะลองดูเงียบเหงา แม้แต่ต้นไม้ทุกต้นก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันเหี่ยวเฉา ใบสีเหลืองเหี่ยวแห้งเหมือน จะเป็นคำตอบ
ทุกอย่างปราศจากความมีชีวิตซีวา
"ถ้าคุณยายเล็กต้องการ ก็ตามใจค่ะ ปีบเองก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่อยู่แล้ว"
เป็นคำพูดง่ายๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน เหมือนคนพูดจะพูดไปอย่างนั้น แต่ จากดวงตาคมเข้มคุณพันธุรพีรู้ว่าหลานสาวพูดจริง
ดวงหน้าเรียวซูบซีด ริมฝีปากแห้งผาก ผมยาวหยิกปล่อยสยายดูราวกับ เจ้าตัวจะไม่ได้ใส่ใจ ผิดกับตอนที่เฉิดฉายบนจอทีวี ยามนั้นหล่อนดูงดงามเปล่ง ปลั่งสมเป็นดาวจรัสฟ้า ไม่น่าเชื่อ ความทุกข์ใจจะคร่าวิญญาณหล่อนไปได้ถึง เพียงนี้ นับวันกาซะลองยิ่งทรุดโทรม
แก้วนั้าลำไยที่คำสร้อยยกเสิร์ฟให้คุณพันธุรพีแทบหลุดจากมือเมื่อได้ยิน การสนทนาของเจ้านาย มันสั่นระริกเมื่อได้ยินคุณปีบว่าต่อ แม่แรงไฟฟ้า
"เรื่องจะขายคุ้มปีบไม่ขัดข้อง แต่เรื่องเผาคุณยายปีบขอให้เป็นร้อยวัน เหมือนเดิม"
"แต่ยายกลัวว่าวิญญาณคุณพี่จะไม่ยอมไปผุดไปเกิด เผาเลยแล้วกันจะ ได้ขายๆ"
ลูกชายหมายปองอยู่วิ่งมาเปิด อารมณ์เคืองขุ่นผุดขึ้นอย่างช่วยไม'ได้ ยิ่งคิดไปถึง วันที่ลูกชายเกิดสักชิงนางกับไอ้หน้าปลาจวดลูกชายรัฐมนตรีสมศักดึ๋ก็ยิ่งอับอาย
ลูกหนอลูก จะรักจะชอบใครก็ช่างไม่เลือก อย่าว่าแต่เด็กคนนี้จะมาเป็น ศรี'สะ■ใภ้ได'เลย แม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมอง
รถคันยาวใหญ่ของคุณพันธุรพีแล่นออกไปแล้ว แพรสาจึงเดินกลับเข้ามา ในครัว เพียงแค่เห็นสีหน้าของเด็กสาว ป้าคำสร้อยก็เดาออก แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"คุณพันธ์รพี!"
ไม่มีการขยายความต่อ เพียงแค่เอ่ยชื่อต่างก็รู้ความนัยแห่งถ้อยคำนั้น แพรสายมเยาะให้กับตัวเองเมื่อคิดถึงคำพูดของนายแพทย์สฤษด์คุณ 'จะรัก ยกย่องหล่อนออกหน้าออกตา'
คงเป็นไปได้หรอก นับวันคุณพันธุรพียิ่งเกลียดหล่อนอย่างกับไ8เดือน
กิ้งกือ!
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อหัวใจไม่ได้ต้องการร่วมหมอนเคียงเสื่อกับนาย แพทย์ใหญ่อยู่แล้ว คุณพันธุรพีจะรู้สีกอย่างไรก็ไม่สำคัญ ป้ญหามันอยู่ที่คำบอก เล่าที่ป้าคำสร้อยนำมาบอกต่างหาก
"คุณปีบเธอพูดจริงหรือป้า ที่จะขายที่นี่" แม่แรงตะเข้
"จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เธอก็พูดไปแล้ว แต่แกไม่ต้องห่วงหรอกนะแพร" ป้าคำสร้อยรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของเดกสาว
"คุณปีบเธอจะรับแกไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ จะส่งเสียเลี้ยงดูให้แกเรียนต่อ"
"มันไม่ใช่เรื่องนี้หรอกป้าที่ฉันเป็นห่วง" แพรสาถอนหายใจออกมานิดๆ มองหน้าผู้สูงวัยกว่านิ่ง
"เพียงแต่ฉันอยากรู้ว่าคุณปีบเธอคิดอย่างไรถึงตัดสินใจขายที่นี่"
แม่แรงไฟฟ้า

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นี่ถ้าคุณปีบไม่เรียก ปานนี้จะเกิดอะไรขึ้น

ร่างโปร่งระหงที่กำลังเปิดตู้เก็บชองรื้อนั่นรึ้อนี่พลันหยุดชะงักเมื่อมีเสียง กุกกักดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง พอเสียวหน้าคมหันกลับไปมองก็เห็นร่างบอบบาง ของแพรสายืนตัวลันระริก ผมยาวหลุดลุ่ยหล่นลงมาที่หน้าผ่องเกลี้ยงเกลาดู ยุ่งเหยิง ผ้ากระโจมอกที่นุ่งแลดูไม่เรียบร้อย ดีที่มีผ้าขนหนูผืนโตคลุมร่างอยู่โดย เจ้าตัวคอยจับไว้แน่น หน้าตาที่เคยสวยใสดูซีดเผือด
"เป็นอะไรไปหรือเปล่าจ๊ะแพรสา" กาซะลองเอ่ยถาม ยิ่งเห็นดวงตาโตดู หม่นหมองก็ยิ่งแปลกใจ แพรสาไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้ แม่แรงไฟฟ้า
"ปละ...เปล่าค่ะ...." เด็กสาวรีบปฏิเสธเสียงสั่นระริก ยังอกสั่นขวัญหนีไม่ หายกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่ นี่ถ้าคุณปีบไม่เรียก ปานนี้จะเกิดอะไรขึ้น
"พอดีแพรกำลังอาบนี้าอยู่เลยช้า ต้องขอโทษคุณปีบด้วยนะคะ คุณปีบมี อะไรให้แพรรับใช้คะ"
"ฉันหาชาที่จะชงให้คุณยายไม่เจอน่ะ เก็บไว้ที่ไหนจ๊ะ"
"ป้าคำสร้อยเก็บไว้บนตู้น่ะค่ะ" แพรสารีบเดินตรงไปหยิบห่อใบชาที่วาง อยู่บนตู้มายื่นให้นายสาว เพียงปลายนิ้วสัมผัส กาซะลองก็รับรู้ได้ว่าปลายนิ้ว ของเด็กสาวเย็นเฉียบพิกล
เว้นจังหวะไปเพียงนิดเดียวที่ได้ยินเสียงวัตถุตกกระทบพื้นโดยแรง ภาพความฝืนผุดขึ้นมาอีกคราว เลือด...ความตาย...การพลัดพราก
กาชะลองทิ้งผ้านวมที่ถือในทันที หญิงสาวรีบสาวเท้าตรงไปยังห้องผู้ เป็นยาย และเพียงเปิดประตูเข้าไปก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม่แรงยกรถ
คุณปรียางค์ศรีกำลังก้มลงเก็บแก้วชาที่แตก กาซะลองรีบเดินไปช่วยผู้เป็น ยายเก็บเศษแก้วที่แตกกระจาย
"คุณยาย ปีบเก็บเองดีกว่าค่ะ"
"ตายจริง ขอโทษด้วยนะแม่ปีบ ยายชุ่มซ่ามไปหน่อย นี่ทำให้หนูตื่นเลยหรือ" บอกผู้เป็นหลานด้วยรอยยิ้ม แต่มือเหี่ยวย่นก็ยังไม่ยอมละ ท่านค่อยๆ หยิบเศษแก้ว ละเอียดออกทีละนิดๆ จนผู้เป็นหลานต้องดึงร่างบางนั้นออกพาเดินไปที่เตียง
"ปีบยังไม่ได้นอนหรอกค่ะ พอดีได้ยินเสียงคุณยายไอ ว่าจะเดินมาดูก็ได้ยิน เสียงแก้วแตกเสียก่อน ตกใจหมด นึกว่าคุณยายเป็นอะไร"
"ยายเกิดอยากดื่มชาของพ่อดิสธรเขาน่ะ ขี้เกียจลุกเลยยื่นมือไปหยิบ กะพลาด ไปหน่อยมันเลยพลัดตกมือ" บอกเหมือนเด็กกำลังสารภาพผิด กาซะลองมองไป ตามที่ผู้เป็นยายเล่าก็เห็นกานาชาตั้งอยู่บนโต๊ะไม่ห่าง หญิงสาวยิ้มอ่อน พลางบอก
"งั้นเดี๋ยวปีบไปหยิบให้ใหม่นะคะ" มือเรียวงามหยิบกานาชาขึ้น รู้สักได้ถึง ความเบาโหวง แสดงว่ารสชาของดิสธรก็คงดีไม่เบา แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"หมดแล้ว ปีบไปต้มให้คุณยายใหม่ดีกว่า คุณยายรอเดี๋ยวนะคะ" ไม่รอให้ ผู้เป็นยายปฏิเสธ ร่างงามระหงก็ถือกาก้าวฉับๆ เดินไปยังเรือนครัวที่อยู่ไม่ห่าง กาซะลองมัวแต่รีบเร่งจึงไม่ทันสังเกตเห็นพุ่มไม้ที่ไหวอยู่ด้านข้าง
แพรสาถือโอกาสที่นายสาวเดินผ่านดิ้นรน แต่ร่างเล็กบางก็ยังถูกรัดแน่น ด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่ง
"ปล่อยแพรนะคะคุณหมอ!" นํ้าเสียงเกรี้ยวกราดเล็ดลอดไรฟัน แต่ก็เป็น เพียงเสียงกระซิบ เรื่องไม่งามหน้าแบบนี้โวยวายก็อายเขาเปล่า ในเมื่อนาย แพทย์สฤษด์คุณก็ถือเป็นนายคนหนึ่ง
"ไม่ปล่อย" นายแพทย์หนุ่มกระซิบ ถือโอกาสสูดความหอมหวานจากแก้มนวล ปลั่ง เด็กสาวเบือนหน้าหนี รังเกียจจน,แาตาคลอเบ้า
แม่แรงยกรถ

คนรักกันไม่ทำอย่างนี้ อย่าฉวยโอกาสกับแพร

1ครจะ{ใ.\นึกถึง...คนเลวจะอยู่ในคราบผู้ดี!
"ฉันรักเธอแพร" นายแพทย์สฤษด์คุณกระซิบเสียงพร่า ก้มลงสูดความ หอมกรุ่นจากซอกคอขาวผ่อง เนื้อตัวของเด็กสาวเย็นเฉียบ ผ้ากระโจมอกเริ่มหลุดลุ่ย ดีแต่มีผ้าขนหนูผืนใหญ่ช่วยคลุมร่างบางเอาไว้ไม่ให้ถูกฉกฉวยโอกาสเกินไป แพรสา พยายามรวบรวมกำลังเอาศอกกระทุ้งร่างหนาแต่กลับถูกอ้อมแขนรัดแน่นเข้า
"คนรักกันไม่ทำอย่างนี้ อย่าฉวยโอกาสกับแพร"
"ฉันจริงใจกับเธอนะแพรสา" แม่แรงไฟฟ้า
"แพรไม่เหมาะสมกับคุณหมอหรอก"
"ใครบอก เธอเหมาะสมกับฉันทุกอย่าง ฉันจะให้คุณแม่มาส่ขอเธอ" "เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ในเมื่อคุณหมอก็รู้อยู่แล้วว่าแพรไม่เหมาะสมกับ คุณหมอ" แพรสาสนสีรษะจนผมที่ขมวดไว้หลุดกระจาย ดวงหน้าใสซีดเผือด เด็กสาวพยายามขืนตัวเองให้ออกห่างจากร่างหนา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกลับยิ่ง โน้มตัวเข้าใกล้
"ใครจะกล้าขัดใจฉัน" หมอหนุ่มกัดฟันกรอดนัยน์ตาแข็งกระด้าง แต่ในยามนี้ เด็กสาวไม่ทันสังเกตเพราะพยายามเอาตัวรอด สฤษด์คุณก้มลงจูบที่แก้มนวลแต่ แพรสาฌี่ยงตัวออกเสียก่อน "แพร...เชื่อฉัน...แต่งงานกับฉันแล้วเธอจะได้ทุกอย่าง" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"ไม่ค่ะ! แพรไม่แต่ง แพรไม่ได้รักคุณหมอ ปล่อยแพร" หล่อนคิดว่า ตัวเองกรีดเสียงแหลมอย่างรังเกียจเต็มทน แต่ที่แพรสาได้ยินคือเสียงแผ่วเบา ราวกระซิบ นัยน์ตาแข็งกระด้างสบตาแข็งกร้าวที่ลอดแว่นสายตาออกมา
ริมฟืปากนายแพทย์หนุ่มสันระริก เจ็บลึกเข้าไปในหัวใจ แพรสาไม่ได้รัก เขา...ไม่ได้! หล่อนจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเขา
ใบหน้าเคร่งขรึมโกรธเกรี้ยวก้มลงโดยเร็ว หมายที่ริมฟืปากรูปกระจับ แพรสาหัวใจแทบหลุดออกจากอก เด็กสาวยกมือกันใบหน้านั้นโดยเร็ว แต่นาย แพทย์หนุ่มยังทันได้สูดความหอมของริมฝืปากนุ่มหวาน
แพรสานี้าตาไหลรินในขณะที่รอยยิ้มสาแก่ใจผุดขึ้นที่ริมฝืปากนายแพทย์ สฤษด์คุณ
ฉับพลันเหมือนสวรรค์โปรด เมื่อยินเสียงเรียก
"แพร...แพรสาอยู่ที่ไหน มาหาฉันหน่อยเร็ว!" เป็นเสียงของกาซะลอง
กาซะลองก็หน้าเหมือนคนใช้ดีๆ นี่เอง
ถาม'เาอีกทีแต่กลับไม่มีเสียงตอบ เพราะศกรเริ่มรู้ลึก...'ผู้หญิง' ที'ท่าทาง เรียบร้อยอย่างศรานตา วันนี้ช่างพูดเก่งเหลือเกิน.' ผู้กองหนุ่มเลิกคิดไปถึงเรื่อง ของหญิงสาว 'คนนั้น1 ความคิดของชายหนุ่มกลับวนเวียนไปที่มรดกของคุณ ปรียางค์ศรี หลายครั้งที่สังเกตเห็นสีหน้ากาซะลองวิตกกังวลเมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างคล้ายจะส่งแวบมา
มรดกชองคุณปรียางค์ศรีกำลังจะนำเรื่องยุ่งยากหลายอย่างตามมา!
และบางที...จ่าเมฆน่าจะพอรู้เบาะแสอะไร
"อุ...ยังไงผมก็ฝากดูแลจ่าเมฆด้วยนะ"
"อะไรนะคะศก" พยาบาลสาวเลิกคิ้ว นึกแปลกใจขึ้นมาทันทีที่ผู้กองหนุ่ม เปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน
"ผมบอกให้อุ๊ช่วยดูแลจ่าเมฆให้ด้วย" แม่แรงยกรถ
"มันเป็นหน้าที่ของอุ๊อยู่แล้ว ศกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เอ๊ะ ว่าแต่ศกมี อะไรหรือเปล่าคะ"
"พอดีผมมีธุระสำคัญอยากจะคุยกับจ่าเมฆน่ะ ถ้าอาการทุเลาพอคุยได้ก็ จะขอคุยเลย"
"ศกเนี่ย ขยันตลอดศกจริงๆ เลยนะคะ ช้าหน่อยก็ได้ค่ะ อุ๊สงสารคน ปวย" กระเซ้าเย้าแหย่เสียงหวาน และในใจของพยาบาลสาวคนสวยก็สบายขึ้น มาอย่างประหลาด
อย่างน้อยร้อยตำรวจเอกศกรก็ไม'ได้สนใจแม่ดารากาซะลองอย่างที่'นึก
อากาศยามคํ่าคืนของฤดูหนาวหนาวเหน็บจนกาซะลองต้องผุดลุกไปหยิบ ผ้านวมที่เก็บไว้ในตู้ออกมาเพิ่ม สายลมที่พัดโชยผ่านเข้ามาทางหน้าต่างแรงจน ผ้าม่านจีบระบายปลิวไม่เป็นรูป หญิงสาวหอบผ้านวมเดินไปปิดหน้าต่าง กลิ่น ดอกปีบหอมแรงจนฉุนจมูก
ใบหน้าขาวที่เห็นเลือนรางในเงาสลัวซีดเผือด...
กลิ่นดอกปีบหอมแรง...กำลังจะนำเรื่องอะ1รมา...
ได้ยินเสียงคุณปรียางค์ศรีจามอย่างแรงตามด้วยเสียงไอเร็วระรัว และ
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นี้าเสียงถามเหมือนไม่เชื่อ

"ปกติเหมือนทุกวันค่ะ แต่วันนี้ดีหน่อยเพราะตึ่นแต่เช้าลงมา^น1ส่นกับ
คุณปีบอยู่นาน"
"แม่ปีบ?" นี้าเสียงถามเหมือนไม่เชื่อ แววตายังฉายแววอ^าไม่พอใจ แพรสาแอบเห็นน้องสาวคุณปรียางค๙ศ1เป้ปาก เด็กสาวฉ่วหน้าด้วยไม"เว'า1ห^ด ฝ่ายนั้นถึงไม่พอใจ ในเมื่อการที่คุณปีบมาอยู่ดูแลคุณท่านน่าจะเฎนเ4ฏง^ แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"จะไปไหนก็ไปเถอะ" โบกมือไล่อย่างง่ายๆ แพรสากระถดตัวออก แต่ นายแพทย์หนุ่มเรียกไว้
■สฤษด์คุณ!" ผู้เป็นแม่เอ็ดเสียงดัง แต่ลูกชายไม่ได้สนใจ เขาหันไปบอก แพรสา
"หาชาร้อนให้ฉันซักที่นะ เอาไปให้ด้วยที่ลานหน้าป้าน ฉันจะลงไปน้งเส่นที่
นั่น"
เด็กสาวรีบรับคำก่อนผันกายไปโดยแว พอจะมองสายตาคุณพันธุรฟึฏฎๆ เหมือนกันว่าไม่ค่อยชอบหน้าหล่อนเท่าไหร่ หล่อนเองก็ไม่เจะทำ,อย่างไร นอก จากคอยหลบเลี่ยงไม่อยู่ตามลำพังกับนายแพท{)หน่ม#ก ดวยพอจะ^านสายตๅ ฝ่ายนั้นออกอยู่เหมือนกัน แม่แรงไฟฟ้า
ลับร่างเด็กสาว คุณพันธุรพีก็หันมาตำหนิลูกชาย "แม่ไม่พอใจนะนายฤษ^ ทำอะไรต้องระวังตัวป้าง ลูกเป็นใคร เด็กแพรสานั่นเป็นใคร มันไม่เหมาะหรอก" นายแพทย์สฤษด์คุณถอนใจยาว อยากจะบอกมารดาว่าเรีอง 'ความรัก' ห้ามได้ที่ไหน แต่พอเห็นสายตาของผู้เป็นแม่ก็คร้านจะอธิบาย แม่ไม่ไ^ออดมคติ เดียวกันกับเขา พูดไปก็ไม่มีประโยช^ เลี่ยงออกมาเมื่อกาซะลองเดินเ^ามาสมทบ หลานสาวอยู่ในเสือแขนกุดสีขาวเนั้อบางเบๅกับกางเกงลำลองผัาพเวสิอน ดูอย่างไรหล่อนก็งามผุดผาดผิดพี'ผิดน้อง
กาซะลองยิ้มให้ผู้มีตักดิ๋เป็นน้า ด้วยวัยที่ค่อนข้างใกสัเ^ยงกันทำใหั
หญิงสาวพอจะเดาความเสีกฺของสฤษ4)คุณออก รักต่างชน#น...คงยาฦ^ะ สมหวัง หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับผู้เป็นยาย พันธุรพีนิ่วหน้าทันฟืที่^น หน้าหลานสาว หล่อนพ่นอารมณ์ใส่ราวกับเก็บกด "คุณพี่เรียกคุณดำรงมาคุย..;
"ค่ะ" นาเสียงเรียบๆ ไม่ยินดียินร้ายพลอยทำให้คู่สนทนารู้สีกรๅวกับจะ
แสงจันทร์ และทันทีที่เลื่อนบานกระจกออก ประมุขของคุ้มภูคากาซะลองก็ใด้กลิ่น หอมเย็นของดอกปีบรวยรินชื่นใจ นับเป็นเวลานานมากแล้วที่ดอกปีบบาน สะพรั่งสวยงามภายในคุ้มนับตั้งแต่รุ่นบรรพษจนตกทอดมากึงรุ่นท่าน และ ยิ่งงามมากขึ้นเมื่อดอกปีบ...กาซะลอง หลานสาวคนเดียวเติบโตขึ้นอย่างงดงาม รอยยิ้มอ่อนๆ ผุดขึ้นที่ริมฝืปากของหญิงชรา เมื่อตัดสินใจได้ในบางสิง-บางสิงที่จะทําให้ทุกอย่างลงตัวได้อย่างสมบูรณ์
ในเช้าวันรุ่งขึ้นประมุขของคุ้มภูคากาซะลองให้คนเก่าแก่ของคุ้มตามแขก คนสําคัญมาพูดคุยตั้งแต่รุ่งเช้า ทงคู่เงียบหายเข้าไปในห้องอยู่นาน จวบสาย เมื่อคุณพนธุวเพแ'ละนายแพทย์สฤษด์คุณมากึงจึงใด้รับคำบอกเล่าจากคำลร้อย
"คุณท่านมีแขกค่ะ"
"ใคร" คุณพันธุรพีเอ่ยถาม นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะปกติผู้เป็นพี่ ไม่ค่อยได้ให้ความสนิทชิดเชิ้อกับใคร จะว่าศกรก็ไม่น่าใช่ เพราะผ่านเข้ามายัง ไม่เห็นรถของฝ่ายนั้น
"คุณดำรงค่ะ" แม่แรงตะเข้
"ทนายความ!"
คำสร้อยค้อมรับ ไม่เเปลกใจที่นายแพทย์สฤษด์คุณจะรู้จักดำรง ชาย กลางคนวัยสีสิบที่เป็นทนายความ เพราะด้วยหน้าที่การงานนายแพทย์หนุ่มเป็น ผู้ที่กว้างขวางอยู่แล้ว และอีกอย่างทนายดำรงก็คีอบิดาของครานตา พยาบาลสาว ททำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เพื่อนนักเรียนเก่าของศกรกับกาซะลอง
"ทำไมต้องเรียกทนายความมาคุยด้วย" คุณพันธุรพีหันไปถามบุตรซายด้วย ความฉงน แต่นายแพทย์หนุ่มหาได้มีคาตอบใหไม่ เขาเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ใซฟา รับแขก ทิ้งกระเป้าเอกสารลงข้างตัวอย่างง่ายๆ เอ่ยถามกับคนใกล้ชิดของคุณ ปรียางค์ศรีที่เพิ่งยกแก้วนํ้ามาวางให้
"อาการของคุณป้าเป็นยังไงบ้างแพร"
เสียงทุ้มนุ่มเอยถามจนผู้เป็นมารดาต้องหันขวับมามองโดยทันที ด้วยผ่าน ร้อนผ่านหนาวมามากกว่าจึงอานสายตาลูกซายใด้ใยากว่ากําลังมีความรู้สืก 'พิเศษ' กับเด็กแพรสา
แม่แรงไฟฟ้า

แต่มันยังไม่มีความจำเป็นที่คุณพี่จะต้องทำ

"แต่มันยังไม่มีความจำเป็นที่คุณพี่จะต้องทำ" น้องสาวแย้งเสียงขื่น ผู้เป็น พี่มองหน้าอย่างสงสัย
"ทำไมล่ะ พี่เองก็ไม้ใกล้ฝึงแล้วนะ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้'
"คุณพี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ บอกตรงๆ ว่ารพีไม่อยากให้คุณพี่ทำ พินัยกรรม ไม่รู้เลยหรือคะว่ามันเหมือนเป็นการแช่งตัวเองน่ะ" แม่แรงไฟฟ้า
"เหลวไหลน่ารพี" ดุอย่างจริงจัง เคยรู้สึกว่าน้องสาวเป็นคนช่างคิดงมงาย แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นเอามากขนาดนี้ กาซะลองมองหน้ายายทั้งสอง อยาก จะลุกเดินหนีแต่ดูเหมือนหัวข้อการสนทนาจะเกี่ยวข้องกับตัวเองจึงทนนั่งอยู่
คำพูดหลายคำของคุณยายเล็กดูจะเข้าใจว่าหล่อนนั้นคือทายาทผู้รับมรดก แต่เพียงผู้เดียว
คุณพันธุรพีขอตัวลากลับเมื่อเห็นว่าการพูดคุยกับพี่สาวชักจะไม่ลงรอย แต่พอเรียกตัวนายแพทย์สฤษด์คุณให้มารับ แพรสาก็เข้ามาบอก "คุณหมอไปส่งคุณดำรงค่ะ"
"ให้มันได้อย่างนี้สิลูกฉัน สอนอะไรไม่เคยได้ดังใจหรอก" ผู้เป็นมารดาเข่นเขี้ยว คุณปรียางค์ศรีมองหน้าน้องสาวอย่างไม่สบายใจ นักก่อนบอก
"ให้แม่ปีบไปส่งแล้วกัน" แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
"คุณปีบไปไม่ได้ค่ะ" แพรสารีบขัด เด็กสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อเห็น สีหน้านายแต่ละคน รีบบอกต่ออย่างลนลาน "มีแขกจากกรุงเทพฯ มาขอพบ คุณปีบค่ะ"
แทนที่ประมุขของคุ้มจะเป็นคนถามว่าใคร ผู้เป็นน้องสาวกลับเป็นฝ่ายถาม
แทน
"คุณดิสธรค่ะ"
สินเสียงคำตอบของแพรสา คุณพันธ์รพีก็ยิ้มหยัน ปรายตามองหน้า หลานสาวขณะที่เอ่ยถามเสียงเย้า "งั้นที่ข่าวสังคมเขาลงว่ากำลังตามคั่วกันอยู่ก็ เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยแม่ปีบ"
ร้อนเป็นไฟ
"นี่ปีบรู้แล้วเหรอ" ถามเสียงสูง บรรยากาศเริ่มอึดอัด กาชะลองเสยผมที่ หล่นลงมาระหน้าเบาๆ หล่อนโม่ซอบบรรยากาศแบบนี้ มันเหมือนโลกทั้งใบ กำลังถูกปีบให้เหลือนิดเดียว
"พอดีเมื่อเช้า...ปีบลงมาเดินเล่นกับคุณยาย...คุณยายเลยบอกค่ะ" "อ้อ นั่นสินะ ต้องบอกอยู่แล้วในเมื่อปีบเป็นหลานสาวคนโปรด" นาเสียง
เครือเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวพยายามสะกดอารมณ์Iว้ขณะที่บอกหลานสาว "ยายไม่อยากให้ทำเลย คนที่ทำพินัยกรรมก็เหมือนกับคนที่แช่งตัวเอง"
"คงไม่ใช่หรอกค่ะคุณยายเล็ก คุณยายเพียงแต่บอกว่าอยากทำให้ทุกอย่าง มันลงตัวเรียบร้อยก็เท่านั้น"
"ทุกอย่างมันจะได้เรียบร้อยไม่มีปัญหาเมื่อตอนที่คุณพี่สิ้นแล้วใช่มั้ย แม่ปีบพูดเหมือนคนไม่มีหัวใจ' คุณพันธุรพียิ้มหยัน "แต่คิดอีกทีมันก็เป็นเรื่อง ดีใช่มั้ยเเม'ปีบ ในเมื่อมรดกของคุณพี่มันก็คงจะตกแก่ทายาท"
ผู้เป็นยายเล็กเน้นเสียง ทำเอากาซะลองกลืนนาลายลงคออย่างยากเย็น เข้าใจความหมายแห่งการประชดประชันนั้นดี หล่อนเองก็คุยกับประมุขคุ้มภูคา กาซะลองอยู่เหมือนกันในเรื่องนี้ ทรัพย์สมบัติใดๆ ไม่เคยมีค่าหากปราศจาก ผู้เป็นที่รัก แต่คุณปรียางค์ศรีกลับแย้งว่าสำหรับท่าน ท่านก็อยากยกทรัพย์สมบัติ ให้กับผู้เป็นที่รักเหมือนกัน แม่แรงตะเข้
ยอมฟังเหตุผล ในเมื่อท่านไม่ได้บอกว่ารักใครและจะยกทรัพย์สมบัติให้ ใคร หล่อนจะค้านไปก็คงเปล่าประโยชน์
นั่งฟังคุณพันธุรพีพรํ่าเพ้ออยู่นาน จวบจนประมุขของบ้านเดินออกมาพร้อม กับทนายความประจำบ้าน
ผู้มาเยือนขอตัวกลับก่อนเมื่อเห็นสมาชิกในบ้านอยู่พร้อมหน้ากัน กาซะลอง เดินไปประคองผู้เป็นยายให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วย หญิงชราทักทายน้องสาวอย่าง อารมณ์ดี แต่ผู้เป็นน้องกลับหน้าบึ้งตึง
"รพีไม่ทราบเลยว่าคุณพี่นัดทนายให้มาทำพินัยกรรม"
"ขอโทษที พอดีนึกปุบปบขึ้น อยากทำทุกอย่างให้มันเรียบร้อย เลยให้ คำสร้อยโทรตามคุณดำรงมาที่นี่"
แม่แรงตะเข้

...สายเบรกถูกตัด...คนที่ขับน่าจะรู้เรื่องดี...

"ยังคุยไม่รู้เรื่องหรอกศก หัวสมองจ่าเมฆยังกระทบกระเทือนอยู่ คงอีก สักวันสองวัน" บอกเสียงทุ้ม เอื้อมมือไปเปิดตาคนไข้ นัยน์ตาจ่าเมฆยังไม่มี ปฏิกิริยาตอบสนองกับแสง
"อย่างอื่นมีอะไรน่าเป็นห่วงมั้ยครับน้าฤษด์" ศกรเอ่ยถาม จากการสอบ ถามกับศรานตาเมื่อแรกมา จ่าเมฆอาการดีขึ้นมาก แต่พอมาเห็นกับตา จ่าเมฆ
กลับท'^ดลงอีก คิ้วเข้มขมวดอย่างกังวล ห่วงลูกน้องก็ห่วง แต่สิงที่คา1จมันยัง ๅมเร้าอ^
...สายเบรกถูกตัด...คนที่ขับน่าจะรู้เรื่องดี... แม่แรงไฟฟ้า
"หัวใจเต้นผิดจังหวะ พรุ่งนี้คงต้องส่งไปเอ็กซเรย์อีกรอบหนึ่ง" สฤษด์คุณ จับผ้าห่มคลุมร่างคนไข้อย่างอ่อนโยน ศกรถอยห่างออกมา พอจะเดาความหมาย ได้ว่านายแพทย์ใหญ่ต้องการให้คนไข้ได้พักผ่อน ชายหนุ่มขอตัวลากลับโดยมี ศรานตาเดินตามมาส่ง
"กาชะลองมาที่นี่หรือคะ" สาวสวยเริ่มต้นบทสนทนาเมื่อเดินห่างออกมาจาก ตัวตึก คำถามง่ายๆ แต่ทำเอาผู้กองหนุ่มตีสีหน้าฉงน นึกแปลกใจด้วยไม่เคย เล่าเรึ่องนี้ให้ใครฟัง ชะรอยศรานตาจะรู้ พยาบาลสาวรีบบอก "คนเขาพูดกัน น่ะค่ะ ปีบเขาเป็นดาราดังนี่คะ เดินไปไหนมาไหนคนก็รู้จัก เออ แล้วนี่เจอกับ ศกบ้างหรีอยังคะ" เรียกอย่างสนิทสนม แต่ต่อหน้าผู้อื่นศรานตาไม่ลืมที่จะเรียก อีกฝ่ายว่า 'ผู้กอง' หญิงสาวมองร่างสูงใหญ่อย่างชื่นชม ไม่น่าเชื่อ เด็กชายตัว ผอมก๊องแก๊งที่เคยเดินตามจีบหล่อนต้อยๆ เมื่อวันวานจะเป็นหนุ่มหล่อหุ่น องอาจขนาดนี้ แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
เสัยดาย...ตอนนั้นหล่อนไม่น่าปฏิเสธ...ไม'เนตอนนี้หล่อนคงเดินเคียงข้าง กับเขาได้อย่างผึ่งผาย
"ก็...เจอแล้วครับ พอดีผมแวะไปคุยกับคุณยายที่คุ้ม"
ได้ยินคำว่า 'คุณยาย1 ศรานตาก็นึกสะดุด รู้เหมือนกันว่าหมายถึงคุณ ปรียางค์ศรี ผู้ดีเก่าเจ้าของคุ้มภูคากาซะลอง คุณยายแท้ๆ ของกาซะลอง แต่ นํ้าเสียงที่ชายหนุ่มใช้แสดงถึงความเคารพนับถืออย่างลึกลํ้า ความสนิทสนม อย่างชัดเจน วูบหนึ่งที่ลางสังหรณ์บอก...ศกรมีความผูกพันกับบางอย่างที่นั่น
"นานแล้วที่อุ๊ไม่ได้เจอกับปีบ เป็นยังไงคะ ตัวจริงสวยมั้ย เห็นในทีวี
■ก็พวกไฮโชตกยาก" แค่นเสียงตอบ "มีแต่หน้าตา เงินทองไม่มีหรอก พูดกันตรงๆ นะ แม่ว่าที่นายดิสธรมาตามจีบแม่ปีบก็คงจะหวังสมบัติ หลาน เราใช่ย่อยซะที่ไหน เป็นทั้งดาราดัง ทั้งทายาทคุ้มภูคากาชะลอง เงินทองก็คง จะมากโขอยู่ล่ะ" ท้ายเสียงตวัดขึ้นอย่างดูแคลน ก่อนที่จะหันมาพูดกับเขาอย่าง จริงจัง "แม่อยากให้ฤษด์ดูแลคุณป้ามากๆ นะลูก อย่างน้อยคุ้มภูคาก็น่าจะเป็น ของฤษด์อยู่ครึ่ง"
"แต่เหมือนคุณป้าจะยกให้ปีบ"
"ไม่หรอก" คุณพันธุรพียักไหล่ "ถึงคุณพี่จะรักแม่ปีบ แต่ฤษด์ก็เป็นหลาน..."
นายแพทย์หนุ่มยิ้มเย็น "แม่พูดยังกับคุณป้ายังไม่ทำพินัยกรรม อย่าลืม สิครับว่าคุณป้าน่ะทำไปแล้ว สดๆ ร้อนๆ วันนี้เอง"
"ทำแล้วก็เปลี่ยนใหม่ได้ แม่ดูท่าทางแล้วคุณพี่ไม่ค่อยปลี้มนายดิสธรนั่น หรอก" ผู้เป็นแม่เริ่มยิ้มในสีหน้า "ยังไงฤษด์ก็เอาใจคุณป้าหน่อยแล้วกัน เผื่อ แม่พลาดก็ยังมีฤษด์" แม่แรงตะเข้
สฤษด์คุณรับคำ เหมือนแม่จะเน้นทั้งที่ปกติเขาก็ดูแลผู้มีด้กดิเป็นป้าอยู่แล้ว วางหนังสือลงขอตัวกลับเข้าห้อง แต่ผู้เป็นแม่กลับเรียกเสียงอ่อย...แค่มองหน้าแม่ นายแพทย์หนุ่มก็พอจะรู้ว่าแม่จะเริ่มบทสนทนาใด
"ช่วงนี้แม่...เงินช็อตอีกแล้วฤษด์" คุณพันธุรพีมองหน้าเคร่งขรึมของลูกชาย อย่างเกรงใจ ไม่อยากเอ่ยปากเรื่องทำนองนี้เลย แต่ภาษีลังคมนับวันมันยิ่งมาก ขึ้นทุกวัน เงินทองเริ่มร่อยหรอ หล่อนยังรับไม่ได้กับการที่จะอยู่อย่างไม่มืหน้า ไฝมีตา ในเมื่อนามสกุลเก่าแก่มันคํ้าคอ
"แม่ไม่งดออกงานบ้างล่ะครับ" สฤษด์คุณเอ่ยถาม แม้นํ้าเสียงจะราบเรียบ แต่แววตาก็ทำคุณพันธุรพีแหยงได้
"ได้ยังไงล่ะลูก อย่าลืมว่าเราเป็นที่นับหน้าถือตาในลังคมนะ ถ้าไม'ไปไหน มาไหนซะบ้าง คนมันจะได้นินทาเอาปะไร"
"ช่างเขาสิครับ เราไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อน"
"พูดยังงั้นได้ยังไง ขายหน้าแย่" ค้านเสียงอ่อยก่อนวกไปเรื่องเดิม "นะ... แม่ขอยืมก่อน รอให้เบิกเงินมรดกงวดต่อไปได้จะเอามาคึน*
"ผมไม่มีฮะ" คำตอบง่ายๆ แต่ทำเอาผู้เป็นมารดาแทบเต้นเหยง "ช่วงนี้
แม่แรงไฟฟ้า

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การตัดสินใจให้เหมาะสมด้วยครับ

ผู้บริหาร คือผู้ที่สามารถทำให้งานเสร็จโดยจูงใจให้ผู้อื่นทำ
นี่คือสิ่งที่ยอมรับกันทั่วไป ดังนั้น ผู้บริหารจำต้องมอบหมายงาน ให้ลูกน้องทำ และไม่ใช่จะมอบแต่งานเท่านั้น จะต้องมอบอำนาจ การตัดสินใจให้เหมาะสมด้วยครับ
ในหนังสือเรอง การมอบหมายที่มีประสิทธิภาพ ไต้เสนอแนะ การมอบหมายงานไว้อย่างนี้ครับ
๑. อย่ามอบหมายงานที่คุณต้องการหวงอำนาจการตัดสินใจ ไว้กับตัวคุณเอง
๒. อย่ามอบหมายงานโดยไม่ยอมมอบอำนาจอย่างเพียงพอ รวมทั้งความอิสระในการใช้ความคิดริเริ่มตามความสามารถของเขา แม่แรงไฟฟ้า
๓. อย่ามอบหมายงานหรือมอบให้ผู้อื่นตัดสินใจอะไรก็ตาม ซึ่งคุณไต้ติดสินใจไว้ล่วงหน้าแล้ว
๔. อย่ามอบหมายงานหรืออำนาจในการตัดสินใจหากเห็น พนักงานผู้นั้นไม่มีประสบการณ์หรือความสามารถเพียงพอที่จะรับ
๕. เมื่อมอบหมายงานไปแล้ว อย่าไปจํ้าจี๋จาไชพนักงาน ผู้รับ มอบบ่อยเกินไปจนน่าเบื่อ
๖. มอบงานแล้วอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์งานเขาปอยนัก จน ทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจอะไร และแล้วเขาต้องมาหาคุณอีกเพื่อให้ช่วย ตัดสินใจ แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
นักประพันธ์ชื่อตังคนหนึ่งใช้นามปากกาว่า "อิงอร" หรือชื่อจริง ว่า ศ้กดเกษม หุตาคม เพิ่งเสียชีวิตไม่นานมานี้เองครับ ไดให้คำใหม่ที่ น่าฟัง ท่านใช้คำว่า เบิกบุก
เราเคยแต่ไต้ยินคำว่า บุกเบิก โดยไม่ไดไปตีความความหมาย
ของมัน แม่แรงตะเข้
นักธุรกิจบางคนที่มีไฟแรงในตัวเอง อยากทำอะไรก็ลงมือทำ โดยยังไม่ทันไต้สำรวจสภาพความเป็นจริงของตลาดว่าเป็นอย่างไร เครื่องไม้เครื่องมือและกำลังคนมีรองรับหรือไม่ อยากจะบุกก็บุกเลย แล้วก็หงายหล้งกลับมา
บางทีก็เป็นเรื่องของการแห่ตามกันคริบ เห็นเขาสร้างลานสเกต ล่อใจวัยรุ่น ก็สร้างตามกัน แล้วก็พังไปตาม ๆ กัน เพราะสเกตเป็น ความนิยมระยะสั้น ห้างสรรพสินค้าก็เหมือนกันครับ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ บริเวณแถวปทุมวัน ถนนเพชรบุรี ราชดำริ บุกสร้างกันขึ้นมา ๗ - ๘ แห่ง ตอนนี้ก็เห็นผลกันแล้วว่าต้องเปลี่ยนเจ้าของหรือเลิกกิจการไปหลายแห่ง แล้ว
นี่คือเรื่องของการบุกก่อนเบิก
คราวนี้มาพิจารณาคำว่า เบิกบุก กล่าวคือจะบุกเรื่องไหนก็ตาม เบิกตาดูเสียก่อน สภาพของตลาดปีแนวโน้มที่ดีหรือไม่ คู่แข่งมีสถานะ อย่างไร เราเองมีทุน มีเครื่องมือ มีตัวบุคคล ที่จะรองรบได้หรือไม่
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

เพิกเฉยต่อการที่จะปรับปรุงความคิด

สมัยกรุงโรมเรืองอำนาจ มีนักปราชญ์คนหนึ่งที่มีชื่อเสียง ชื่อซิเซโร เป็นผู้ที่ได้กล่าวถึงความชั่วร้าย ๖ ประการของคน ซึ่งมี ถ้อยคำที่นำสนใจดังตอไปนี้ครับ
๑. เชื่อว่าความรุ่งเรืองหรือเจริญก้าวหน้าของตนนั้น จะหาได้ ด้วยการทำให้ผู้อื่นประสบกับความหายนะ หรือได้จากการโด้แย้งและ ขัดขวางผู้อื่นเท่านั้น แม่แรงไฟฟ้า
๒. มัวแต่กังวลในสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่มีทางจะแกไขได้
อีกเลย
๓. เมื่อตนคิดว่าจะทำอะไรสักอย่างไม่ได้หรือไม่เป็นก็เหมา ไปว่าสิ่งนั้น ๆ เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำไม่ได้หรือเป็นไปไม่ได้
๔. ปฏิเสธที่จะทำสิ่งที่มีความสำคัญน้อยหรือสิ่งที่ไม่มีความ สำคัญหลังจากที่ทำสิ่งที่สำคัญกว่าแล้ว คือมักทำแต่สิ่งที่มีความสำคัญ มากกว่า แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
๕. เพิกเฉยต่อการที่จะปรับปรุงความคิด สมอง หรือสะสม ความรูให้มากขึ้น และไม่ยอมที่จะสร้างให้ตนเองมีนิสัยที่ชอบการอ่าน หน้งสือที่ส่งเสริมความรู้
๖. พยายามที่จะบังคับให้ผู้อื่นเชื่อในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเชื่อ และทำในสิ่งที่ตนทำ หรือเห็นว่าสิ่งที่ตนเชื่อหรือทำนั้นถูกต้องเสมอ
นี่คือวาทะของซิเซโรซึ่งได้กล่าวไว้เมื่อพ้นปีล่วงมาแล้ว
มีผู้คัดการขายที่ไม่ยอมออกตลาด ปล่อยให้การออกตลาด เป็นหน้าที่ของพนักงานขายเท่านั้น
มีกรรมการผู้จัดการที่นั่งอยู่แต่ในห้องปรับอากาศของตนเอง จะพบก็แต่ผู้บังคับบัญชาชั้นกัดลงไปเท่านั้น และวิธีที่จะพบกันก็คือเรียก เข้ามาพบในห้อง ไม่เคยเดินไปหาลูกน้องที่โต๊ะทำงานของลูกน้อง
มีผู้จัดการโรงงานที่ไม่ยอมออกจากห้องทำงานของคัวเองไปดู การทำงานของคนและเครื่องจักรในบริเวณโรงงาน แม่แรงตะเข้
นี่คือการทำงานของคนประเภทหนึ่งซึ่งสามารถคาดการณ์ ได้ล่วงหน้า การตัดสินใจของเขาจะผิดพลาดได้ง่ายเพราะเป็นการ ตัดสินใจด้วยการนั่งเทียนคิดเอาเอง ด้วยการรับฟังแต่คำรายงานเท่านั้น ซึ่งถึงแม้จะเป็นคนที่เก่งกาจเพียงไรก็มีโอกาสพลาดได้
บริบัทหนึ่ง ยอดขายสินค้า ๒ เดือนมานี้ตกตํ่ากว่า ๖ เดือนก่อน ถึง ๕๐0/ว สาเหตุที่รายงานมาจากฝ่ายขายก็คือ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ตกตํ่า ผู้จัดการฝ่ายขายก็เชื่อเช่นนั้นโดยไม่ยอมออกตลาดไปดู กรรมการผู้จัดการออกลุยตลาดเองทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ไปพบ ไปพูดคุยกบตัวแทนจำหน่าย จึงพบว่า หนึ่ง มีข่าวลือที่ไม่เป็นผลดี ต่อสินค้าตนเอง สอง มีสินค้าของคู่แข่งออกใหม่ที่ตัดราคาและให้เครดิต ระยะยาวกว่า
เมื่อพบสาเหตุเช่นนั้น ก็จัดการหาวิธีแก็ไข จำเป็นต้องทุ่ม
แม่แรงไฟฟ้า

ผู้บริหารจะรู้สึกไม่สบายใจ

การรับสมัครคัดเลือกพนักงานเข้าทำงานไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก สิ่ง หนักใจกว่าก็คือ การไล่พนักงานออก ไม่ว่าพนักงานผู้นั้นจะมีความผิด หรือไม่มีความผิดก็ตาม หากต้องให้ออก ผู้บริหารจะรู้สึกไม่สบายใจ เลย เพราะนั้นหมายถึงความกระทบกระเทือนใจ หมายถึง การตกงาน อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง หมายถึงทะเบียนประว่ตที่ถูกบันทึกลงไปแล้วว่า เคยถูกไล่ออก แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
ทำอย่างไรดีครับถ้าต้องพบเหตุการณ์เช่นนี้ ต่อไปนี้คือข้อแนะนำที่ควรทำได้
๑. ต้องบอกพนักงานคนนั้นว่า การไล่ออกนี้เป็นมติที่ เปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว
๒. พร้อมกับการบอกกล่าวเช่นนั้น คือการอธิบายเหตุผล ของบริษัทให้แจ่มชัดว่า บริษัทมีความจำเป็นต้องเลิกจ้างด้วยสาเหตุ ต่อไปนี้ มีอะไรบ้างก็ว่าไป
๓. เขาควรมีเวลานานพอที่จะหางานใหม่ได้ หรือต้องจ่าย ค่าชดเชยพอที่เขาจะอยู่ไต้นานพอที่จะหางานทำใหม่ไต้
๔. บริษัทต้องจ่ายสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เขาพึงจะไต้ร้บ เช่น เงินค่าชดเชย เงินสะสม เงินโบนัส จ่ายเต็มจำนวนตามสิทธิ อย่าให้ มีข้อข้องใจ อย่าให้มีการโต้แย้งไต้ และจ่ายทันที เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไต้
ในการทำงานนั้น มีถูกอยู่ ๒ อย่างครับ หนึ่งคือถูกต้อง สองคือ
ถูกใจ แม่แรงไฟฟ้า
นักประจบสอพลอทั้งหลาย จะมุ่งไปสู่ความถูกใจเป็นสำคัญ รู้ว่าเจ้านายชอบอะไร ก็ทำให้สบอารมณ์เจ้านาย รู้ว่าเจ้านาย ชอบคำสรรเสริญเยินยอ ก็ให้ลูกยอเจ้านายเข้าไว้รู้ว่าเจ้านายเขม่นใคร
คนหนึ่ง ก็ร่วมผสมโรงนินทาคนนั้นกับเจ้านายอย่างเป็น1เเป็นขลุ่ย
ดูเหมือนจะมีความสุขดีนะครับสำหรับคนคนนั้น แต่ในสายตา คนอื่นแล้วกลายเป็นเรื่องน่าเวทนา เขาอาจไต้รับความสำเร็จในขั้นหนึ่ง คือเจ้านายพึงใจเลื่อนขั้นเลื่อนเงินเดือนให้ แต่คนรายรอบข้างจะรู้สึก ต่อเขาอย่างไร แม่แรงตะเข้
เจ้านายคนไหนบ้าจ1ปกับคนประเภทนี้ด้วย ก็กลายเป็นขี้ปาก ของลูกน้อง
ผลของการกระทำให้ถูกใจนั้นจะอายุสั้นครับ เป็นความ
พึงพอใจชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น
สิ่งที่คงทนและยืนยาวกว่าคือ ความถูกต้อง
คนที่ทำอะไรถูกต้องจะไต้รับการยอมรับนับถือจากคนวงกว้าง
มากกว่าคนที่ทำถูกใจ เพราะความถูกต้องนั้นสามารถพิสูจน์ไต้สามารถ
ยืนกรานไต้กับคนหลาย ๆ คน แต่ถูกใจนั้น ม่งสนองอารมณ์เฉพาะบุคคล
เท่านั้น
แม่แรงตะเข้

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

โต๊ะทำงานเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่างได้เหมือนกัน



กฎของการพฒนา อย่างหนึ่งคือ การพัฒนาในเชิงคุณภาพ ซึ่ง

มกจะเกี่ยวพันกับการสั่งสมทางปริมาณ

ฟังดูแล้วอาจรูสึกเป็นนามธรรมหน่อยนะครับ

คนที่ขายก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว ๑๕ ปี ปรุงก๋วยเตี๋ยวไปแล้วเป็น แม่แรงไฟฟ้า

หมื่นๆ ชาม ควรมีความสามารถในการปรุงให้รสชาติเอร็ดอร่อยถูกปาก

ลูกค้า

ช่างซ่อมรถ ทำงานประจำอู่มาแล้ว ๒๐ ปี แมือซ่อมจะต้องดี เยี่ยม สามารถเข้าใจกลไกทั้งหมดของเครื่องยนต1ต้ทะลุปรุโปร่ง แม่แรง รถยนต์ ไฟฟ้า

สมุห์บัญชีที่ผ่านงานบ้ญชีมาแล้ว ๘ บริษัท เป็นเวลา ๒๐ ปี ควรมีความสามารถทางบัญชีเป็นเลิศ

นักแกอบรม นักบรรยายที่สอนมาแล้วนับพันนับหมื่นครั้ง จะต้องเป็นนักบรรยายที่จ้บจิตจับใจผู้ฟัง

นี่คือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่ควรจะเป็นไป

เป็นเรื่องของการสั่งสมทางปริมาณ ปรุงก๋วยเตี๋ยวมากชาม ซ่อม รถมากครั้ง ทำบัญชีเยอะแยะ บรรยายหลายหน ปริมาณครั้งที่ทำ ที่ปฎิบ้ตินั่นเอง ก่อให้เกิดการพัฒนาขึ้นในเชิงคุณภาพ กล่าวคือสามารถ ทำให้งานนั้น ๆ ดียิ่งขึ้นเป็นลำต้บตลอดมา แม่แรงตะเข้

ใครก็ตามที่ทำงานมานานปี แต,เ]มือไม่พัฒนาไปตามวันเวลา

ที่ผ่าน คนคนนั้นเ]นกฎธรรมชาติครับ จะเ1เนคนที่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ

โต๊ะทำงานเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่างได้เหมือนกัน

นะครับ

บางคนเป็นเจ้าของโต๊ะทำงานที่มีเครื่องประดับสารพัดอย่าง เรียงรายอยู่โดยรอบ ที่ผนังมีโปสการ์ดติดเต็มไปหมด มีรูปศิลปิน คนโปรด มีรูปภาพครอบครัว ข้าง ๆ โต๊ะมีหม่'อต้มกาแฟที่กำลงเดือด ส่งกลิ่นกาแฟหอมฉุยไปทั่วบริเวณที่ชั้นหนังสือมีนวนิยายเล่มใหม่วางอยู่ และมีอุปกรณ์ถักนิตติ้ง มุมหนึ่งของโต๊ะมีถุงมะยมดองพร้อมพริกกับ เกลือ เป็นบรรยากาศที่แสนสบาย รู้สึกเหมือนบ้าน

บางคนเป็นเจ้าของโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า มีแต่ของใช้ที่จำเป็น เท่านั้น คือเครื่องเขียนไม่มีกระดาษบ้นทึกหรือคลิปหนีบกระจัดกระจาย ให้เห็น เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจะเก็บเข้าลิ้นชกไว้หมด

โต๊ะทำงานของคนแรกก้บคนหลังสะท้อนออกถึงอุปนิสัยที่ ตรงกนข้าม

คนแรกต้องการจะบอกว่า "ฉันอยู่ตรงนี้ ฉันสบายแล้ว มัน เหมือนบ้านของฉัน ฉันอยากอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปไหนอื่น" เพราะสิ่ง รอบ ๆ ต้วของเขาคือชีวิตส่วนตัวเท่านั้น

คนที่สอง ต้องการจะบอกว่า "ฉันไม่ต้องการหยุดนิ่ง ณ จุดนี้ ฉันต้องการทำงาน ฉันอยากเคลื่อนไหว ฉันอยากก้าวไปข้างหน้า ฉัน พร้อมเสมอที่จะรับงานใด ๆ ก็ไต้ที่จะก่อให้เกิดผลสำเร็จขึ้นมา"
แม่แรงไฟฟ้า

ปวดห้วหน่อยนะครับเจอคนแบบนี้



ท่านผู้อ่านมีลูกน้องประเภทหนึ่งไหมครับ คือลูกน้องที่ทำงาน เมื่อสั่งเท่านั้นไม่สั่งก็คือนั่งเฉย และเมื่อสั่ง ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วจะได้ผล ใน แต่ละงานนั้นยังต้องจี้กันทุกฟิก้าว ไม่จี้ไม่ผลักก็ไม่เดิน ต้องผลักจึง จะเคลื่อนที่เหมือนวตถุชิ้นหนึ่งละครับ แม่แรงไฟฟ้า

ทำงานได้ผลก็เงียบ ไม่ได้ผลก็ปิดปาก เราเป็นผู้Iหญ่ก็ต้อง นั่งเทียนคิดเอาเองว่าลูกน้องจะทำไดใหม วันไหนไต้ผลก็โชคดีไป วันไหนไม่ไต้ผลก็ไม่รู้เรื่องกัน บางทีจะแก้ปัญหาก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะ ลูกน้องไม่ยอมรายงาน

สอนก็แล้ว แนะนำก็แล้ว ให้การศึกษาอบรมก็แล้ว เขาก็ยัง คงความเป็นเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่งในสำน้กงานที่ไม่ผลักไม่ไป

ปวดห้วหน่อยนะครับเจอคนแบบนี้ แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า

คนชนิดนี้ถ้าจัดให้นั่งโต๊ะที่ไกลตา ก็ยิ่งสบายเขาเพราะสามารถ จะขี้เกียจไต้ทั้งวัน

จะจัดการกับเขาอย่างไรดี เป็นปัญหาน่าคิ&เ

สำหรับคนแบบนี้

หนึ่งจะต้องจัดให้นั่งโต๊ะอยู่ใกล้ ๆ หัวหน้าครับ ให้การกระทำ การเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาไต้ตลอด นี่เป็นการคุมชั้นหนึ่งแล้ว

สองก็จะต้องกำหนดหน้าที่การงานที่แจ่มช้ดของเขาลงไป ถ้าบริษัทยังไม่มีใบกำหนดหน้าที่การงานของคนทั้งหมด ก็ลองทำเฉพาะ

ลูกค้าอุตส่าหโทรศัพท์ทางไกลจากเชียงรายเข้ามาหาซื้อสินค้า

ปรากฏว่าสายโทรศัพท์1ปเข้าที่แผนกจัดซื้อ พน้กงานบอกว่า "ที่นี่แผนกจัดซื้อครับ คุณต้องโทรใหม่ ติดต่อฝ่ายขายโดยตรง"

ลูกค้าโทรใหม่เหมือนกนครับ แต่โทรไปหาคู่แข่งของบริษัทนั้น เพราะกว่าจะต่อโทรศัพท์ทางไกลไต้ครั้งหนึ่งนั้นกินเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว

ลูกค้ามาเดินซื้อสินค้าถึงโชว์รูม ปรากฏว่าพนักงานขายกำลังไป ห้องนํ้า คนบริษัทที่เดินอยู่ที่โชว์รูมเป็นพนักงานบญชีบอกกับลูกค้าว่า "ต้องรอพนักงานขาย"

ผู้จัดการโรงงาน ขณะที่อยู่นอกบริษัท มีลูกค้าถามหาจะซื้อ สินค้า ก็บอกว่า "ผมไม่รู้ราคา คุณต้องติดต่อกับฝ่ายขายโดยตรง" แม่แรงตะเข้

เป็นอันว่าแต่ละคนล้วนปฏิเสธไม่ยอมทำหน้าที่ขายแIแเต่ นิดเดียว คือการปล่อยลูกค้าให้หลุดลอยไปนั่นเอง

การทำการค้าเขาจะถือกันว่า ทุกคนไม่ว่าตำแหน่งหน้าที่ไหน นับแต่ประธานบริษัทลงมาจนถึงภารโรง จะต้องถือว่าการขายเป็นภาระ หน้าที่ของ.ตนเอง

ลูกค้าอุตส่าห์โทรเข้ามา อุตส่าห์เดินมาถึงที่ หรือเป็นฝ่ายเริ่ม ถามหาสินค้าก่อนเช่นนี้ เหมือนกับคดข้าวใส่จานตั้งไว้ตรงหน้าแล้ว เพียงแต่หยิบช้อนตักข้าวเข้าปากเท่านั้นเอง

- น่าเสียดายที่ฝ่ายบริหารมองไม่เห็นความสำคัญของลูกค้าพอแม่แรงตะเข้

การพิจารณาปัญหา



เราสามารถเพิ่มเวลาทำงานให้กบตนเองได้ถึงปีละ ๓๑ วน โดยการตื่นเช้ากว่าปกติวนละ ๑ ชั่วโมง ลองคำนวณก้นดูนะครับ

๑ ชั่วโมงคูณ ๕ วันทำงาน เท่ากับสัปดาห์ละ ๕ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมงคูณ ๕๐ สัปดาห์เท่ากับ ๒๕๐ ชั่วโมง ๒๕๐ ชั่วโมงหาร ๘ ชั่วโมงต่อวัน เท่ากับ ๓๑ วัน ทำเช่นนี้ได้ก็เท่ากับเราสามารถเพิ่มเวลาทำงานขึ้นมาได้ป็ละ ๑ เดือนเต็ม ๆ

หลายคนอาจจะมองช้ามกันไปนะครับ เรื่องเวลาตื่นนอน เคย นอนตื่น ๗ โมงเช้าเป็นประจำ ไม่ว่าเช้านอน ๕ ทุ่มหรือตีหนึ่งก็ตื่น ๗ โมงเช้า ถ้านอน ๕ ทุ่ม ก็เท่ากับนอนคืนนั้น ๘ ชั่วโมง ซึ่งในความเป็น จริงแล้ว คนในวัยทำงานถ้านอนหลับอย่างเต็มตาเพียง ๖ ชั่วโมงก็พอ เพียงแล้ว แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

เพราะฉะนั้น ถ้านอน ๕ ทุ่ม แทนที่จะตื่น ๗; โมง ก็ตื่นสัก ๖ โมงเช้า ก็เท่ากับได้เวลาเพิ่มขึ้นวันนั้น ๑ ชั่วโมง

เวลาตื่นนอนนี้ ผู้คนมักจะปล่อยให้ผ่านเลยไปกับความขี้เกียจ ลุกจากที่นอนของตัวเอง แม่แรงยกรถ

คนที่เจริญและสำเร็จผลในชีวิตทั้งหลายทั้งปวง ล้วนแล้วแต่มี ความสามารถอย่างหนึ่ง คือสามารถบงคับตัวเองให้ตื่นนอนเช้าได้เป็น

การตัดสินปัญหาที่ผิดพลาด มาจากสายตาและวินิจฉัยใน

การพิจารณาปัญหา

เวลาเผชิญปัญหาแต่ละอย่าง จะมองด้วยสายตาอย่างไร ความผิดพลาดส่วนใหญ่ทีเดียวครับ เกิดจากการมองปัญหา

ด้านเดียว

วาดหวังโครงการธุรกิจใหม่ด้วยความคิดทางบวก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ทำให้ความฝันหวานนั้นไปบดบังปัญหาต่าง ๆไว้หมด พอทำ ออกมาแล้วจึงพบว่าผิดพลาดอย่างจัง

ฟังรายงานจากลูกน้องถึงความผิดพลาดของผู้ร่วมงานคนอื่น แล้วเชื่อตามอย่างปราศจากข้อกังขา ทำให้ตัดสินคนผิดพลาด แม่แรงตะเข้

เห็นเจ้านายบกพร่องแล้ว ก็เลยนินทาซํ๋าเติมลงไป หว่านความ บาดหมางให้เกิดขึ้นในวงกว้างออกไปอีก

นี่คือการมองคนและงานแต่เพียงด้านเดียว

คนมองคนหรืองานด้านเดียวมักจะมีความโน้มเอียงอย่างสุดขั้ว

ครับ คือดีจนไม่มีที่ติ เลวจนหาที่ชมไม่ได้

ซึ่งเป็นทัศนะที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงของธรรมชาติอย่างมาก ไม่ว่างาน หรือคน หรือปรากฏการณ์ มักจะปรากฏให้เราเห็น

เป็นสองด้านได้เสมอแม่แรงตะเข้

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สำคัญยิ่งกว่าการขายสินค้า

นักบริหารที่ไม่หยุดอยู่กับที่ มักจะคิดค้นหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในการทำงานของตนเสมอ
จะบรรลุเป้าหมายในการทำงานแต่ละวน แต่ละสัปดาห์ แต่ละ เดือน แต่ละปี อย่างมีจิตสำนึกรับผิดชอบอย่างไร เป็นปัญหาของ นักบริหารทุกคน
ดร.อำนวย วีรวรรณ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด ไดให้ข้อคิดสำหรับผู้บริหารว่า
ผู้บริหารที่จะประสบความสำเร็จ ต้องไต่บนได ๖ ขั้นด้วยกันคือ แม่แรงยกรถ
๑. สะสางงานบนโต๊ะทุกวัน
๒. สะสางงานในห้องทุกสัปดาห์
๓. สะสางงานในฝ่ายทุกเดือน
๔. เปลี่ยนแปลงวิธีทำงานทุกครึ่งปี
๕. ปรับปรุงระบบทุกปี
๖. สับเปลี่ยนพนักงานทุก ๒ ปี
จะเห็นว่า บนไดขั้นแรกเป็นเรื่องของตนเอง คืองานบนโต๊ะ ขั้นต่อมาก็จะขยายขอบเขตกว้างออกไปจากงานในห้องเป็นงานในฝ่าย จนกระทั่งถึงการสับเปลี่ยนพนักงาน การปรับปรุงระบบ ซึ่งผู้ที่มีอำนาจ ทำได้ก็จะต้องเป็นบุคคลในระดับสูง ถึงจะมีอำนาจหนัาที่ในบนไดขั้นที่ ๕ และ ๖
การขาย ไม่ใช่หมายถึงแต่เพียงสินค้าเท่านั้นที่เราเอาออก
มาขายแม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
สำคัญยิ่งกว่าการขายสินค้า คือการขายตัวเองให้ผู้อื่นยอมรับ
ให้คนอื่นพึงใจ ขายตัวเองไต้ก็ขายอย่างอื่นง่ายขึ้น
ในการขาย จึงต้องให้สิ่งต่างๆ ที่ทำความพอใจให้ลูกค้า ใส่ความยิ้มแย้มแจ่มใสลงไปแทนความบูดบึ้งบนใบหน้า ใส่ความอ่อนโยนในการพูดจาและการให้เกียรติแทนการ
โต้แย้งที่มิได้ยั้งคิดแม่แรงตะเข้
ใส่ความรู้สีกกระตือรือร้นลงไป แทนที่ความเฉื่อยเนือย ใส่ความรู้สืกยินดีและจริงใจลงไป แทนการเสแสร้ง ใส่ความจดจำผู้อื่นลงไป แทนการหลงลืม ใส่ความช่วยเหลือเกื้อกูลลงไปแทนการขัดขวางเอาชนะ ใส่การให้แทนการรับเอา
ใส่การกระทำทันทีลงไป แทนที่การผัดวันประกันพรุ่ง นี่คือศิลปะแห่งการขายตนเองให้แก่ผู้อื่น
ถ้ายังขายสิ่งต่างๆ เหล่านี่ไม่ไต้ก็อย่าหมายว่า สินค้าจะประสบ ความสำเร็จลงไต้
ทุกคนต้องการการปฏิบัติต่อที่นุ่มนวลและอบอุ่น ให้เกียรติ เอาใจกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา นี่คือบรรยากาศแห่งความเป็นมิตร ซึ่งแม้แต่คนที่มีหัวใจหยาบกระต้างที่สุดก็ยังต้องการ
แม่แรงตะเข้

คนที่เก่งกว่านั้นคือคนที่นำคำสั่งมาปฏิบัติให้เกิดผล

คนเก่งๆ ทั้งหลายในโลกนี้มักมีคุณสมบตอย่างหนึ่ง คือเป็นนาย เหนือตนเอง
เขาจะทำอะไรก็ตาม ไม่ต้องรอใหใครมาสั่ง
เขาจะเคลื่อนไหวอะไร ไม่ต้องมีสิ่งเร่งเร้ามากระตุ้น
เขาสามารถจะสร้างแรงดลใจขึ้นมาเองได้ว่าควรทำอะไรไม่ควร
ทำอะไร แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
คนประเภทนี้ มักมีความอยากที่จะกระทำเกิดขึ้นในตนเอง อยากประสบความสำเร็จ อยากแสดงความคิดเห็น อยากเป็นส่วนหนึ่ง ของหมู่คณะ อยากให้งานบรรลุเปิาหมาย
แรงดลใจที่เกิดขึ้นในใจนั่นเองที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้เขาหยิบ ปากกาขึ้นมาเขียนโครงการใหม่ ให้เขาโทรศัพทํไปหาลูกค้ารายใหม่ ให้เขาประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัท ด้วยการปฏิบัติที่เป็นจริง ให้เขา หาทางสร้างผลงานใหม่ ๆ ขึ้นมาเสมอ ๆ
คนที่ไม่รู้จักโตสักที คือคนที่คอยแต่รับคำสั่งให้ทำอย่างโน้น อย่างนี้ และคำสั่งก็มักซา ๆ กับวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา แม่แรงยกรถ
คนที่เก่งกว่านั้นคือคนที่นำคำสั่งมาปฏิบัติให้เกิดผลได้มากกว่า คำสั่ง และคนที่เก่งยิ่งไปกว่าคือ คนที่ลงมือทำงานได้ผลนอกเหนือไปจาก คำสั่งด้วยคุณสมบ้ติของการเป็นนายเหนือตนเอง
มาสั่งสมคุณสมปดของการเป็นนายเหนือตนเองกันนะครับ
ใครก็ตามที่อายุเลยครึ่งคนแล้ว คือประมาณ๓๕ปี เมื่อได้สำรวจ ตัวเองแล้วพบว่า ยังไม่มีผลงานอะไรที่สำเร็จผลพอจะภาคภูมิใจตนเอง ได้หรือพอจะให้คนอื่นกล่าวถึงได้ก็คงต้องห้นกลับมาทบทวนตนเองใหม่ นะครับ แม่แรงตะเข้
นั่นแสดงว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มีความตั้งใจจริงในการ ทำงานอะไรเลย
คนประเภทเปลี่ยนงานทุก ๓ เดือน คนที่จับจด ทำอะไร ทำไม่จริง คนที่ตัดสินใจไม่เด็ดเดี่ยว
โอกาสของคนเหล่านี้มีน้อยมากที่จะมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน อย่างไรก็ตามครับ
ไม่ปีคำว่าสายเกินไปสำหร้บคนที่ตั้งใจจริงที่จะก้าวไปข้างหน้า ข้อเสนอแนะก็คือ ทำงานสกอย่างหนึ่งให้สำเร็จเป็นมรรค เป็นผลขึ้นมาให้ใด้ชื่นอกชื่นใจในความสามารถของตนเอง ท่านอาจจะปรุงนํ้าปลาที่ถูกปากชาวบ้านออกมาขาย ท่านอาจจะเขียนหนังสือลงพิมพํในนิตยสารประจำอย่างต่อเนื่อง ท่านอาจจะสร้างผลงานด้านการขายให้กับบริษัทจนได้รับรางวัล
ดีเด่น
ท่านอาจจะหาวิธีวางระบบบัญชีและการเงินที่ควบคุมค่าใช้จ่าย
แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

แสดงว่าความสะเพร่าเกิดขึ้นแล้ว

ข้อแตกต่างสำคัญอย่างหนึ่งระหว่างผู้นำกับผู้ตามก็คือ ผู้ตาม มองไม่ค่อยเห็นว่า จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นเบี้องหน้า ขณะที่ผู้นำเล็งเห็น ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวิถีทางการทำงาน
ความสามารถในการคาดการณ์นี้ เป็นความจัดเจนอย่างหนึ่ง
ครบ
ลูกค้าที่เริ่มจะมีปัญหาการจ่ายเงินจะส่ออาการบางอย่างให้เห็น เช่นหลบเลี่ยงไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ หรือตามคัวยากกว่าแต่ก่อน
คนที่มาพบ มาตีหรือมาร้าย เพียงสบแววตา ฟังนาเสียงพูด ก็สามารถรูได้
ลูกน้องคนหนึ่งเคยทำงานอยู่คัวยกันดีๆ มีอันจะต้องติดต่อ กับคนอื่นๆ หลายๆ คน จับเค้าได้ว่า ลูกน้องคนนี้กำลังคิดจะทำธุรกิจ อะไรใหม่ขึ้นมาแล้ว
เกิดความสูญเสียวัตถุดิบมากในโรงงาน มีวัสดุเหลือทิ้งเยอะ ของออกมาไม่ตรงตามแบบที่ด้องการ แสดงว่าความสะเพร่าเกิดขึ้นแล้ว แม่แรงตะเข้
ลูกน้องที่กลมเกลียวกันดี อยู่ดีๆ ก็เกิดแตกความสาม่คคีกันเป็น ก๊กเป็นเหล่า นั่นแสดงว่ามีคนยุให้รำตำให้รั่วเกิดขึ้น
คนเป็นผู้นำจะมีลางสังหรณIนคัวเองที่มองเห็นปัญหาที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อเห็นแล้วจะตรวจสอบดูให้แน่ชัดว่าสาเหตุมาจาก อะไรแล้วคัดสินใจแกัปัญหาอย่างทันท่วงที เป็นการคัดไฟแต่ด้นลม
ลี ไอ เอ คอค คา นักธุรกิจผูโต่งดังชาวอเมริกัน ได้เข้าไป กอบกู้สถานการณ์ที่เกือบจะล้มละลายของบริษัทรถยนตํไครสเลอร์เมื่อ ปี ค.ศ. ๑๙๗๘ โดยเข้าสำรวจว่าในบริษัทมีความสูญเปล่าอะไรบ้าง
เมื่อเขาได้ค้นพบว่า เลขานุการของฝ่ายบริหารหลายคนที่ ใช้เวลาในการพูดโทรศัพท์เกือบทั้งวันในเรื่องธุรกิจส่วนคัว ไม่ใส่ใจเรื่อง เกี่ยวกับการงาน เขาจึงจัดการแกIขทันทีโดยไม่ชักช้า ด้วยการสับ เปลี่ยนหน้าที่และปลดออกเสียบ้าง แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า
เขาได้พบว่า มีหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงานที่ไม่มีผลงาน อะไร และแด่ละหน่วยงานก็ต่างคนต่างทำ ไม่ได้มีการประสานงาน ร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการประชุมผู้รับผิดชอบของ หน่วยงานเพื่อปรึกษาหาริอร่วมกัน ได้พบว่า หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม มิได้ติดต่อกับหัวหน้าฝ่ายผลิตและฝ่ายขายมานานแล้ว แม่แรงยกรถ
การผ่าตัดครั้งใหญ่ของไครสเลอร์ คือการสั่งปิดโรงงาน ๒๐ โรง เลิกจ้างคนงาน ๗๔1๐๐๐ คนในปี ค.ศ. ๑๙๗๘-๑๙๘๐ ได้บอกเลิกจ้างรอง ผู้อำนวยการ จำนวน ๓๒ คน จาก ๓๕ คน ออกจากตำแหน่งโดยไม่เห็น แก่หน้าใคร แล้วก็วิ่งเต้นกู้เงินจากรัฐบาลสหรัฐฯมาขยายและปรับปรุง ระบบงานภายใน ผลก็คือ ภายในปี ค.ศ. ๑๙๘๓ ไครสเลอร์สามารถคืน เงินกู้แก่รัฐบาลได้ทั้งหมดเป็นเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์และสามารถคืน เงินด้นและดอกเบี้ยได้ภายใน๗ปีต่อจากนั้นก็ทำกำไรมาดลอด
แม่แรงยกรถ

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รายการสุดท้าย



กรรมสยอง สนอวกัIIถา!

๔ด

พอสมควร พยายามตีตัวออกห่างเลิกคบหากันโดยปริยาย สาเหตุนัน มาจาก...

วันหนึ่งเขาตั้งใจจะไปชื้อของที่ตลาดโดยขับขี่รถจักรยานเป็น พาหนะ ถนนทิ่จะไปตลาดนั้นต้องผ่านสะพานปูนสูง เบื้องล่างเป็นลำห้วย มีนั้าลึกท่วมดีรษะ ขณะขับขี่ข้ามสะพานได้เหลือบเห็นเธอ เพื่อนบ้าน ของเขาคนดังกล่าวยีนอยูริมห้วยใกล้ๆ กันนั้นมีเด็กผู้ชาย ๓-๔ คนกำลัง วิ่งไล่จับตัวอะไรสักอย่าง ซึ่งมองเห็นไม่ถนัดจากบนขอบทางริมถนน ซึ่งอ^ไกลพอสมควร

ด้วยความสงสัยจึงหยุดรถเขม้นมองว่าเด็กพวกนั้นกำลังไล่จับ อะไรกันแน่ เพราะในมือของเด็กพวกนั้นมีฤงกระดาษ (ถุงปูนซีเมนต์) อยู่ ๑ ใบ พร้อมทั้งเชือกปอยาวประมาณวากว่าๆ ๑ เส้น ส่วนเธอผู้นั้น ยึนเท้าสะเอวบงการอยู่ห่างๆ แม่แรงยกรถ

ยีนจ้องอยู่นาน จึงเห็นชัดว่าเด็กพวกนั้นช่วยกันจับลูกแมวซึ่ง มีไม่ตํ่ากว่า ๕ตัวใส่เข้าไปในถุงกระดาษ จับได้ครบแล้วก็เอาเชือกผูก ปากถุง ปลายเชือกอีกข้างหนึ่งผูกติดกับก้อนหินขนาดใหญ่ เท่านก็เดา

เขายีนมองอย่างคิดพิจารณา ก่อนตัดสินใจไต่ลงจากไหล่ ถนนสูงอย่างรีบร้อน ตั้งใจจะไปห้ามเพื่อขอชีวิตลูกแมวทั้งหมดไว้ ซึ่ง แม่แรงไฟฟ้ารถยนต์

อาจจะต้องเสียเงินให้กับพวกเด็กๆ สัก ๑๐-๒0 บาท ก็จะยอมเพี่อไถ่ชืวิต พวกมัแ

แต่อนิจจา พอไต่ลงจากที่ลาดชันถึงพื้น ก็ไดยินเสียงดังตูม พวกเด็กๆ โยนถงที่ใส่ลูกแมวพร้อมเชือกที่ผูกกัอนหินลงไปในห้วยแล้ว

กรรมสยอว สชองกันถา!

๔๔

ขับรถบรรทุกมันล่องกรุงเทพฯ ไหนจะดึ่มเหล้า กินยาทันใจ ลิโพและ ยาบา (ยาม้า) พร้อมทั้งบุหรี่แถมเป็นรายการสุดท้าย

ยาเสพย์ติดพวกนี้ใครๆ ก็ทราบดีว่ามันมีอ้นตรายอย่างมทันต์ เมื่อเวลาฟ้าตาย (กัพท์ของพวกขับรถสิบล้อ หมายความว่าเมื่อยาบ'า หมดฤทธื้หรือม้าตาย ผู้ที่กินเข้าไปจะมีอาการเซื่องซึมหลับใน) แต่เขา ก็ยังต้องแข็งใจขับรถต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง

แต่อนิจจาเขาหลับในเสียแล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียวรถที่เขาขับ ไปตามเล้นทางเพี่อมุ่งไปหาดผาแดงจังหวัดชลบุรี พุ่งเข้าชนประสานงา กับรถบรรทุกสิบล้ออีกคันหนึ่งเสียงดังราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทั้ง คนขับและเด็กท้ายรถทั้งสองคัน-ไ เยเรียบ (รวมทั้งสามีเธอผู้นั้นด้วย)

เป็นจังหวะดีสำหรับสามีใหม่ของเธอ ซึ่งอ้างว่าเสียใจที่ลูกตาย วันนั้นทั้งวันจึงหยุดงานตัดผม พาพรรคพวกบรรดาขี้เหล้ามาดื่มกันที่บ้าน เป็นการฉลองที่ลูกตาย

มิไยที่เมียจะห้ามว่า "พอเสียที ดื่มมามากแล้ว ข้าวปลา อาหารไม่ตกถึงท้อง มีแต่ดื่มกับดื่ม"

พอพูดขาดค่า บรรดาพวกเพึ่อนๆ คอเหล้าชะรอยจะนึกเกรงใจ เมียเจ้าของบ้าน จึงชักชวนไปกินกันต่อในตลาดแม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

ต่อมาอีก ๒ วันหลังจากวันที่สามีช่างตัดผมของเธอผู้นั้นไปดื่ม เหล้ากับพรรคพวก เขาก็ยงไม่กล้บบ้านกลับช่อง ผู้เป็นเมียออกติดตาม สอบถามตามบ้านเพื่อนฝูงชุดที่มากินเหล้ากันในวันนั้นทุกคนยืนยันว่า

"เขาบอกว่าจะกลับบ้า'แเพราะรู้ถึกตัวว่าฒามาก ก็น่าแปลกที่ ทำไมเขาไม'กลับบ้าน แล้วเขาหายไปทางไหน "แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

สะท้านต่อการที่จะทำ


กรรมสยอว สนอวกันถา! ๐๘

การตกกระไดพลอยโจรไปด้วย เพราะนํ๊าตาลอ^กัใ Iมดไม่สามารถจะอด เอาไวได้ ความหวังของเราต้องฟ้าเ3จแน่

ถึงวันกำหนฬดหมาบ1*(น\*,1 นายนิตย์^1ถ^เพไปว่วม^ นัดพบกัน มกาฬดเ/(ยง&แก่0ฟางาน มสุราอาหารพอหอมปากหอมคอ ตามเยี่ยงอย่างของเหล่าโจรเพื่อกระตุ้นจิตไจใหฮึกเหิม เพี่อมิให้สะทก สะท้านต่อการที่จะทำ

เมื่อเหนว่าเวลาจวนจะมีดซึ่งบรรยากาศเริ่มสลัวจึงนำเพื่อนโจร ไปชุ่มไว้ ณ ที่อันเหมาะสมที่อยู่ใกล้กับบ้านของตนพอประมาณ ฝ่าย  แม่แรงยกรถ

ตนเองกIปนอนคอยเวลาที่นัดหมายกันไว้อยู่ที่บ้าน

เมื่อถึงเวลาประมาณเกือบจะ ๒๐.๐๐ น. เหล่าโจรก็จู่โจมเข้าสู่บ้าน ของนายนิตย์พร้อมด้วยอาวุธครบมือ บุกขึ้นไปบนบ้าน ๒ คน อก ๒ คน ยีนคุมเชิงอยู่ข้างล่าง จับตัวนายนิตย์และนางสาวกัญนิกาพร้อมด้วย กระเป้าเดินทางตามที่นัดแนะกันเอาไว้ แล้วนำตัวทั้งสองฝาความมืด ลงส่ท้องทุ่งอันกว้างใหญ่

ข้างฝายนางมะลิวรรณ เมื่อหายจากการตกตะลึงจึงนำความนี้ ไปแจ้งแก่หัวหนัาหมู่บ้านแม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

หัวหน้าหมู่บ้านเมื่อได้รับแจ้งข่าวว่า มีการปล้นบ้านนายนิตย์ และนางมะลิวรรณ จึงไปยังบ้านที่เกิดเหตุพร้อมด้วยลูกบ้านซึ่งมีจำนวน หลายคน พิจารณาดูร่องรอยของเหล่าโจรว่าจะไปทิศทางใด เมื่อทราบ ทิศทางแล้วจึงพร้อมด้วยลูกบ้าน ต่างคนก็มีอาวธเพื่อป้องกันตนเอง สะกดรอยตามไปห่างๆ

เหล่าโจรนำตัวนายนิตย์และนางลาวกัญนิกาเดินฝาความมืดมา

กรรมสยอ0 สชอวกัชถาI

0๙

เป็นเวลาอันสมควร เตรียมตัวที่จะปล่อยคนทั้งสองให้กลับบ้าน แต่ ก่อนที่จะปล่อย เหล่าโจรได้แสดงกลบเกลื่อนเพื่อมิให้นางสาวกัญนิกา มีความสงสัยว่าเหล่าโจรนี้เป็นโจรแอบแฝงมีเลศนัย จึงทำทีท่าตบตี เตะต่อยและถามนายนิตย์ว่า "ลื้อจำหน้าอั๊ว ไดไหม" นายนิตย์ก็บอกว่า "จำไม่ได้ว่าใครเป็น ใคร"

โจรสมมติจึงกล่าวตอบว่า "หากลื้อจำหน้าอั๊วได้ลื้อจะต้องตาย"

ปากพูดพร้อมกับยกปืนชั้Iปยังกลางอกของนายมานิตย์เหนี่ยว ไกปืนทำให้ลูกกระสุนวิ่งออกจากลำกล้อง ผ่านอกของนายมานิตย์สิแใจ ตายอยู่ในกลางทุ่ง แม่แรงไฟฟ้า

เหล่าโจรซึ่งเป็นเครือญาติด้วยกันทั้งนั้น เป็นลูกของลุงป้าน้าอา ต่างก็พากันเสียใจรํ่าไห้กอดศพของนายนิตย์และรับสารภาพว่าที่ตน ทำไปนี้ทำโดยไม่ได้เจตนา ทำไปเพื่อจะกลบเกลื่อนไม่ให้คนทั้งหลาย รู้เงื่อนงำของการกระทำในครั้งนี้

ในขณะเดียวกันหัวหน้าหมู่บ้านและชาวใ3านที่ติดตามไปได้ยิน เสียงปืนจึงรีบมุ่งไปในทิศทางนั้น และเข้าไปรุมสัอมจับพวกโจรมาดำเนิน คดีตามกฎหมายของบ้านเมืองได้ทันท่วงทีนางสาวกัญนิกาจึงปลอดภัย จากความคิดของบุคคลที่เลวทรามตํ่าช้าหฤโหด ในครั้งนี้โดยดุษณีภาพ ทุกประการ

ส่วนนายนิตย์นั๊นก็รับกรรมไปแล้วเพราะเห*-}จากการพยายาม จะละเมิดศลข้อกาเมสุมิจฉาจารนั่นเอง ®แม่แรงไฟฟ้า

มุ่งหวังก็เพื่อต้องการนักเลงดี



กรรมสยอง สIเอวกังถาI ค๗

มุ่งหวังก็เพื่อต้องการนักเลงดีมีสมีอในการปล้นฆ่าทารุณ ครั้แถึงลพบุรี

ก็เที่ยวเยี่ยมเพื่อนฝูงสนทนาปราศรัยเพื่อหาบุคคลที่ทำงานชนนIห

ตกลงได้บุคคลที่เป็นญาติกันอย่างใกลชิด มีความสนิทสนมกัน อย่างดี คีอลูกของลุงป้าน้าอา ได้รวมเป็น ๔ คน เป็นผู้รับรองจะทำงาน ชิ้นนี้ใฟ้สำเร็จตามเป้าหมายแม่แรงรถยนต์

แผนการของนายนิตย์ก็วางขึ้นโดยนายนิตย์ให้ทำเป็นว่าบ้าน ของเขาถูกโจรปล้น แล้วจับตัวเจ้าของบ้านไปเป็นตัวประกัน คือให้จับ เอานายนิตย์และน้องเมียคือนางสาวกัญนิกาเป็นตัวประกัน เมื่อนำ ตัวประกันไปประมาณระยะทาง ๗๘ กิโลเมตร ให้ปล่อยตัวกลับบ้าน ส่วนเงินรางวัลนั้นจะจัดเอาไวในกระเป้าเดินทาง จำนวน ๔.๐๐๐ บาท ให้แบ่งกันคนละ ๑.๐๐๐ บาท แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

เมึ่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนายนิตย์และโจรอาสาก็ติด ตามมาด้วย ๑ คน เพี่อจะมาดูทิศทางการเข้าออกและวางแผนกำหนด วันและเวลาเล้นทางที่จะต้องผ่านไป เมื่อวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจรจำเป็นก็กลับลพบุรี

นายนิตย์ตั้งความหวังไว้ว่า เมื่อพวกพ้องของตนที่มาแสดงตัว เป็นโจรครั้งนี้ปล่อยตนกับกัญนิกากลับบ้าน ตนก็จะพาเธอวนเวียนอยู่ ในท้องทุ่งเพราะเป็นเวลาคํ่ามีดมิด แลไม่เห็นถนนหนทางที่จะไป พร้อม กับหลงทิศทางไม่รูทางใดเป็นบ้านและท้องนา แล้วพาเธอหลับนอนเสีย กลางทุ่งและเอาเธอเป็นเมียเสียในคีนนั้น

เพียงเสียเงินไปแค่ ๔.๐๐๐ บาทคราวนี้แหละเมียและหมู่ญาติ พร้อมด้วยชาวบ้านทั้งหลายจะมิได้ตำหนิว่าเราเป็นคนตํ่าช้าจะถึอเป็นแม่แรงตะเข้

แมวพยาบาท

&รึ่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทีได้รบฟังจากเพื่อนผู้เขียนซึ่งเขา

ยีนยันว่าพบเห็นมาด้วยตนเองโดยไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบมนุษย์ ที่อ้างว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ซึ่งหน้าฉากเป็นคนใจบุญชุนทาน นับถึอพระ พุทธศาสนา ใส่บาตรทุกวัน พูดจาปากหวานน่าคบหา

แต่บังเอิญได้พบเห็นพฤติการณ์ของเธอผู้นั้นผู้หญิงที่เป็นเพื่อน บ้านเขาที่ทำว่าเป็นผู้มีจิตฒตตาต่อผู้อื่นและบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ถึงกับ ทำให้หมดความนับถีอ เพราะเห็นว่าจิตใจของเธออำมหิต โหดเหี้ยม ผิดมนุษย์มะนา

จากวันนั้นถึงวันนี้ครอบครัวของเขาซึ่งตามปกติก็ชอบพอกันแม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

น้ำมันเครื่องเรื่องกลั่น


ในอนาคต[แก้ไข]


กระบวนการใหม่ที่จะทำลายลงเอทิลีนเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกทั่วไปที่พบในภาชนะบรรจุที่ผู้บริโภคจำนวนมากที่จะใช้ในการทำพาราฟินคล้ายกับโมเลกุลคุณสมบัติที่ถูกต้องสำหรับการแปลงเป็นสารหล่อลื่นที่มีราคาแพงผ่านกระบวนการFischer-Tropsch พลาสติกจะละลายและสูบเข้าไปในเตาเผา แม่แรงยกรถ ความร้อนของเตาหลอมแบ่งลงโซ่โมเลกุลของเอทิลินลงในขี้ผึ้ง สุดท้ายขี้ผึ้งอยู่ภายใต้การเร่งปฏิกิริยากระบวนการที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของขี้ผึ้งออกจากน้ำมันที่ชัดเจน. [37]


น้ำมันมอเตอร์ย่อยสลายได้อยู่บนพื้นฐานของเอสเทอหรือผสมไฮโดรคาร์บอนเอสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นในปี 1990 ตามมาด้วยสูตรเริ่มต้นในปี 2000 แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า ซึ่งตอบสนองต่อการชีวภาพไม่มีพิษเกณฑ์ของการเตรียมยุโรปสั่ง (EC / 1999-1945). [38]ซึ่งหมายความว่า ที่พวกเขาไม่เพียง แต่จะถูกย่อยสลายไปตาม OECD 301x วิธีการทดสอบ แต่ยังเป็นพิษน้ำ (ปลาสาหร่าย daphnie) แต่ละสูงกว่า 100 มิลลิกรัม / ลิตร


ระดับหนึ่งของน้ำมันพื้นฐานเหมาะสำหรับการน้ำมันเครื่องเป็น polyalkylene ไกลคอล พวกเขามีศูนย์เถ้าคุณสมบัติทางชีวภาพที่ไม่มีพิษและลักษณะการเผาไหม้แบบลีน. [39]
น้ำมันเครื่องเรื่องกลั่น[แก้ไข]


บทความหลัก: รีไซเคิลน้ำมันยานยนต์


น้ำมันในผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องไม่ทำลายลงและการเผาไหม้ที่มีการใช้ในเครื่องยนต์ - นอกจากนี้ยังได้รับการปนเปื้อนและสารเคมีอนุภาคที่ทำให้มันเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพน้อย Re-กลั่นทำความสะอาดสารปนเปื้อนและสารเติมแต่งที่ใช้ออกจากน้ำมันสกปรก จากนั้นนี้สะอาด "หุ้นฐาน" เป็นผสมกับหุ้นฐานบริสุทธิ์และแพคเกจเติมแต่งใหม่เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปที่สามารถเช่นเดียวกับที่มีประสิทธิภาพเป็นสารหล่อลื่นที่ทำด้วยน้ำมันบริสุทธิ์.[40]สหรัฐอเมริกาคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หน่วยงาน (EPA) กำหนดผลิตภัณฑ์ใหม่กลั่นเป็นที่มีอย่างน้อย 25% หุ้นฐานใหม่กลั่น[41]แต่มาตรฐานอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญที่สูงขึ้น รัฐแคลิฟอร์เนียรหัสสัญญาประชาชนกำหนดน้ำมันเครื่องใหม่กลั่นเป็นหนึ่งที่มีอย่างน้อย 70% หุ้นฐานใหม่กลั่น. [42]
บรรจุภัณฑ์[แก้ไข]



วันนี้น้ำมันเครื่องขายทั่วไปในขวดทั้งแบบ 1 ควอร์สหรัฐ (946mL) หรือ 1 ลิตรเช่นเดียวกับในภาชนะพลาสติกขนาดใหญ่ตั้งแต่ประมาณ 4.4-5 ลิตร (4.6-5.3 สหรัฐ QT) เนื่องจากส่วนใหญ่มีขนาดเล็กเครื่องยนต์ขนาดกลางที่ต้องการ รอบ 3.6-5.2 ลิตร (3.8-5.5 สหรัฐ QT) น้ำมันเครื่องน้ำมันมอเตอร์มียอดขายในร้านค้าปลีกในขวดแก้วกระป๋องโลหะและกระป๋องโลหะ/ กล่องกระดาษก่อนการถือกำเนิดของปัจจุบันเอทิลีนขวดพลาสติกซึ่งเริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงต้นปี1980 พกพานำมาใช้ใหม่ได้ทำแยกต่างหากจากกระป๋อง;แม่แรงไฟฟ้า ที่มีจุดเจาะเช่นที่เปิดกระป๋อง, พกพาเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการเจาะด้านบนของกระป๋องและเพื่อให้เป็นวิธีที่ง่ายที่จะเทน้ำมัน


มีแนวโน้มการเติบโตคือการขายน้ำมันในบรรจุภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นเช่นสำหรับยืนขึ้นถุง


การจัดจำหน่ายให้กับผู้ใช้ที่มีขนาดใหญ่ (เช่นขับรถผ่านร้านค้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง) มักจะเป็นในกลุ่มโดยรถบรรทุกหรือ 1 ถัง (160 ลิตร) กลอง


แม่แรงไฟฟ้า

การบำรุงรักษา


การบำรุงรักษา[แก้ไข]


"การเปลี่ยนแปลงน้ำมัน" นี่นำไปสู่ สำหรับสารคดีโทรทัศน์ที่มุ่งเน้นการOilers เอดมันตันของสมาคมฮอกกี้แห่งชาติดูที่เปลี่ยนน้ำมัน(TV Series)





น้ำมันถูกระบายจากรถ


ในเครื่องมือที่มีการสัมผัสของน้ำมันกับผลิตภัณฑ์ของการเผาไหม้ภายในบางส่วนและกล้องจุลทรรศน์โค้กอนุภาคจากสีดำเขม่าสะสมในน้ำมันระหว่างการดำเนินการ นอกจากนี้ถูของชิ้นส่วนเครื่องยนต์โลหะผลิตบางส่วนอนุภาคโลหะกล้องจุลทรรศน์จากการสวมใส่ของพื้นผิว อนุภาคดังกล่าวอาจไหลเวียนในน้ำมันและบดกับพื้นผิวที่เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดการสึกหรอ กรองน้ำมันเอาหลายอนุภาคและตะกอน แต่ในที่สุดกรองน้ำมันจะกลายเป็นอุดตันถ้าใช้เวลานานมากน้ำมันและกรองน้ำมันต้องมีการเปลี่ยนเป็นระยะ ๆ ในขณะที่มีอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบโดยรอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องปกติและการบำรุงรักษาการเปลี่ยนน้ำมันเป็นงานที่ค่อนข้างง่ายว่าส่วนใหญ่เจ้าของรถสามารถทำเอง





น้ำมันยนต์และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารเติมแต่งยังได้รับการย่อยสลายความร้อนและเครื่องจักรกลซึ่งลดความหนืดและด่างสำรองน้ำมัน ที่มีความหนืดลดน้ำมันไม่เป็นความสามารถในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการสึกหรอและโอกาสของความร้อนสูงเกินไป ด่างสำรองคือความสามารถของน้ำมันที่จะต่อต้านการก่อตัวของกรด ควรลดลงด่างสำรองศูนย์เหล่านั้นรูปแบบและกรดกัดกร่อนเครื่องยนต์ แม่แรงยกรถ


ผู้ผลิตเครื่องยนต์บางคนระบุว่ามีความหนืด SAE เกรดของน้ำมันควรจะใช้ แต่น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดที่แตกต่างกันอาจดำเนินการขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีกว่า ผู้ผลิตจำนวนมากที่แตกต่างกันมีความต้องการและมีการกำหนดสำหรับน้ำมันเครื่องที่พวกเขาต้องการที่จะใช้ โดยทั่วไปนอกจากที่ระบุไว้โดยผู้ผลิตน้ำมันที่หนักกว่าน้ำหนักไม่จำเป็นต้องดีกว่าน้ำมันเบาน้ำหนัก น้ำมันหนักมักจะติดอีกต่อไปส่วนระหว่างสองพื้นผิวการเคลื่อนย้ายและลดน้ำมันเร็วกว่าน้ำมันน้ำหนักเบาที่ไหลดีกว่าปล่อยให้น้ำมันใหม่ในสถานที่ที่ไม่ช้าก็เร็ว สภาพอากาศหนาวเย็นมีผลหนาน้ำมันธรรมดาและนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่มีน้ำหนักเบาน้ำมันน้ำหนักผู้ผลิตมีการแนะนำในสถานที่ที่มีฤดูหนาว


มอเตอร์เปลี่ยนน้ำมันมีกำหนดที่มักจะขึ้นอยู่กับเวลาในการให้บริการหรือระยะทางที่รถได้เดินทาง เหล่านี้เป็นตัวชี้วัดที่หยาบของปัจจัยที่แท้จริงที่มีการควบคุมเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงน้ำมันมีความเหมาะสมซึ่งรวมถึงว่าระยะเวลาที่น้ำมันที่ได้รับการทำงานที่อุณหภูมิสูงกี่ร้อนรอบเครื่องยนต์ได้รับการผ่านและวิธีการที่ยากเครื่องยนต์ได้ทำงาน ระยะทางที่รถมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินเวลาที่อุณหภูมิสูงในขณะที่เวลาในการให้บริการควรจะมีความสัมพันธ์กับจำนวนของการเดินทางยานพาหนะและการจับภาพจำนวนรอบของเครื่องทำความร้อน น้ำมันไม่ลดอย่างมีนัยสำคัญเพียงแค่นั่งอยู่ในเครื่องมือเย็น ในทางกลับกันถ้ารถเป็นแรงผลักดันเพียงสำหรับระยะทางที่สั้นมากน้ำมันไม่อนุญาตให้ความร้อนขึ้นอย่างเต็มที่และสารปนเปื้อนเช่นน้ำสะสมอยู่ในน้ำมันที่เกิดจากการขาดความร้อนเพียงพอที่จะต้มปิดน้ำ น้ำมันในลักษณะนี้เพียงแค่นั่งอยู่ในเครื่องยนต์อาจทำให้เกิดปัญหา แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า


ที่สำคัญยังเป็นคุณภาพของน้ำมันที่ใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังเคราะห์ (ใยสังเคราะห์ที่มีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าน้ำมันทั่วไป) ผู้ผลิตบางรายที่อยู่นี้ (ตัวอย่างเช่น BMW และโฟล์คสวาเกนที่มีมาตรฐานของตนตลอดชีวิต) ในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้


ช่วงเวลาที่ใช้บัญชีสำหรับไดรเวอร์สั้นการเดินทางที่ขับรถระยะทางสั้น ๆ ซึ่งสร้างสารปนเปื้อนอื่น ๆ ผู้ผลิตแนะนำให้ไม่เกินเวลาหรือช่วงระยะทางขับเคลื่อนของพวกเขาสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมอเตอร์ รถยนต์ที่ทันสมัย​​มากในขณะนี้รายการช่วงเวลาที่ค่อนข้างสูงสำหรับการเปลี่ยนน้ำมันและกรองด้วยข้อ จำกัด ของ "รุนแรง" บริการต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งมากขึ้นด้วยน้อยกว่าการขับรถที่เหมาะ นี้ใช้กับทริปสั้น ๆ อายุต่ำกว่า 15 กิโลเมตร (10 ไมล์) ซึ่งน้ำมันไม่ได้รับการอุณหภูมิในการทำงานเต็มรูปแบบนานพอที่จะเผาไหม้ออกกลั่นตัวเป็นหยดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ ที่นำไปสู่​​การ "ตะกอน", "วานิช", "กรด "หรือเงินฝากอื่น ๆ ผู้ผลิตหลายรายมีการคำนวณของคอมพิวเตอร์เครื่องมือในการประเมินสภาพของน้ำมันที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ลดลงได้เช่นรอบต่อนาทีอุณหภูมิและระยะเวลาในการเดินทาง; ระบบใดระบบหนึ่งเพิ่มเซ็นเซอร์แสงสำหรับการกำหนดความชัดเจนของน้ำมันในเครื่องยนต์ ระบบเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นจอภาพน้ำมันชีวิตหรือ OLMs


บางร้านค้าเปลี่ยนน้ำมันอย่างรวดเร็วแนะนำช่วง 5,000 กิโลเมตร (3,000 ไมล์) หรือทุกสามเดือนซึ่งไม่จำเป็นต้องตามที่ผู้ผลิตรถยนต์หลาย นี้ได้นำไปสู่การรณรงค์โดย EPA แคลิฟอร์เนียกับตำนาน3,000 ไมล์ส่งเสริมการแนะนำของผู้ผลิตยานพาหนะสำหรับช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมากกว่าผู้การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมน้ำมัน นี้ยังคงเป็นการอภิปรายที่ใช้งานในอุตสาหกรรม แต่และช่างบริการยังคงแนะนำ 3000 หรือ 5000 ไมล์ช่วงเวลาที่ให้บริการในเชิงอนุรักษ์นิยมในตลาดอเมริกาเหนือในขณะที่มันเหมาะกับลูกค้าที่จะมีรถของพวกเขาตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาที่มีขนาดใหญ่จากการพัฒนา (ตัวอย่างเช่น การรั่วไหลของน้ำหล่อเย็นเล็กน้อยซ้ายสังเกตอาจนำไปสู่สภาพที่ร้อนมากเกินไป)นอกจากนี้ในหลายคันเครื่องยนต์ "ตะกอน" จากช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกต่อไปได้กลายเป็นปัญหาและนำไปสู่การซ่อมแพงมากบางครั้งรวมถึงการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์สมบูรณ์[ต้องการอ้างอิง] ปริมาณการใช้น้ำมันยังเป็นปัญหาเมื่อใช้ช่วงเวลาอีกต่อไปและเจ้าของรถจะต้องตระหนักถึงเรื่องนี้และตรวจสอบระดับน้ำมันของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ ความเสียหายของเครื่องยนต์อย่างรุนแรงจะส่งผลจากการทำงานระดับน้ำมันต่ำเกินไป ด้านบนของที่ผลิตจำนวนมากกำลังใช้ turbochargers และการขาดการหล่อลื่นที่เหมาะสมเป็นสาเหตุหลักของความล้มเหลวเทอร์โบก่อนวัยอันควร ขาดการหล่อลื่นนี้สามารถเกิดจากตะกอนสร้างขึ้นในสายน้ำมันที่ก่อให้เกิดข้อ จำกัด ของการไหลและ / หรือระดับน้ำมันต่ำ แม่แรงไฟฟ้า


ใช้เครื่องยนต์สามารถในการเปลี่ยนน้ำมันที่ปรับความหนืดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหนาสำหรับความร้อนในช่วงฤดู​​ร้อนและทินเนอร์สำหรับฤดูหนาวที่หนาวเย็น ที่ต่ำกว่าน้ำมันหนืดอยู่ทั่วไปในยานพาหนะใหม่


โดยในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980, ความหนืดแนะนำได้ย้ายลงไป 10W-30 เป็นหลักในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง โปรแกรมทั่วไปที่ทันสมัย​​จะเป็นฮอนด้าใช้มอเตอร์ของ 5W-20 (และบนยานพาหนะใหม่ล่าสุดของพวกเขา 0W-20) น้ำมันความหนืดสำหรับ 12,000 กิโลเมตร (7,500 ไมล์) การออกแบบเครื่องยนต์มีการพัฒนาเพื่อให้การใช้น้ำมันที่มีความหนืดต่ำไม่มีความเสี่ยงของการขัดสีโลหะกับโลหะที่มากเกินไปซึ่งเป็นหลักสำคัญในเวบและกลไกวาล์ว


แม่แรงไฟฟ้า

น้ำมันสังเคราะห์

น้ำมันสังเคราะห์[แก้ไข]

บทความหลัก: น้ำมันสังเคราะห์
น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์สังเคราะห์แรกหรือที่มนุษย์สร้างขึ้นในปริมาณที่มีนัยสำคัญเป็นแทนสำหรับน้ำมันหล่อลื่นแร่ (และเชื้อเพลิง) โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 และช่วงต้นปี 1940 เพราะการขาดของพวกเขาในปริมาณที่เพียงพอของน้ำมันดิบของพวกเขา (ส่วนใหญ่ทหาร) ความต้องการ ปัจจัยที่สำคัญในการกำไรในความนิยมเป็นความสามารถในการสังเคราะห์สารหล่อลื่นที่ใช้จะยังคงอยู่ของเหลวในอุณหภูมิที่ศูนย์ย่อยของแนวรบด้านตะวันออกในฤดูหนาวอุณหภูมิที่ก่อให้เกิดสารหล่อลื่นปิโตรเลียมแข็งเนื่องจากเนื้อหาขี้ผึ้งที่สูงขึ้น การใช้น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์กว้างขึ้นผ่านปี 1950 และ 1960 เนื่องจากสถานที่ให้บริการที่ส่วนอื่น ๆ ของสเปกตรัมอุณหภูมิความสามารถในการหล่อลื่นเครื่องยนต์การบินที่อุณหภูมิที่ทำให้เกิดสารหล่อลื่นแร่ที่ใช้ในการทำลายลง ในช่วงกลางปี ​​1970, น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สูตรในเชิงพาณิชย์และนำไปใช้เป็นครั้งแรกในการใช้งานยานยนต์ ระบบเดียวกัน SAE กำหนดสำหรับน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดยังใช้กับน้ำมันสังเคราะห์ ปัญหาที่พบบ่อยพบเมื่อผู้คนเริ่มเปลี่ยนไปใช้น้ำมันสังเคราะห์คือการรั่วไหล[ต้องการอ้างอิง] เจ้าของรถโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์เก่าและวินเทจพบว่ารถของพวกเขาที่ไม่ได้รั่วไหลโดยใช้น้ำมันทั่วไปก็มีการรั่วไหลของทั่วทุกมุมกับน้ำมันสังเคราะห์ นี้ยังคงมีปัญหาแม้ว่ามันจะได้สนับสนุนให้หลายเจ้าของรถโบราณที่จะตรวจสอบซีลน้ำมันเทคโนโลยีใหม่สำหรับเครื่องยนต์ของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของน้ำมันสังเคราะห์ ผู้ผลิตน้ำมันสังเคราะห์ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาการรั่วไหลในลักษณะที่ตรงไปตรงมาและนี้ได้ก่อให้เกิดความสงสัยจากผู้บริโภคจำนวนมากที่น้ำมันสังเคราะห์เป็นเพียงการหลอกลวงอีกน้ำมันเกินราคา. แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า
น้ำมันสังเคราะห์จะได้มาจากทั้งกลุ่มที่สามกลุ่มที่สี่หรือบางฐานกลุ่ม V ซินธิติกรวมถึงการเรียนของน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์เช่นเอสเทอเช่นเดียวกับ"คนอื่น" ชอบ GTL (ก๊าซมีเทนไปเหลว) (กลุ่ม V) และpolyalpha โอเลฟิน-Group (IV) ความบริสุทธิ์ที่สูงขึ้นและการควบคุมสถานที่ให้บริการที่ดีกว่าในทางทฤษฎีจึงหมายถึงน้ำมันสังเคราะห์มีคุณสมบัติเชิงกลที่ดีกว่าที่ขั้วของอุณหภูมิสูงและต่ำ โมเลกุลจะทำขนาดใหญ่และ "อ่อน" พอที่จะรักษาความหนืดที่ดีที่อุณหภูมิสูง แต่แยกโครงสร้างโมเลกุลยุ่งเกี่ยวกับการแข็งตัวและดังนั้นจึงช่วยให้การไหลที่อุณหภูมิต่ำ ดังนั้นแม้ว่าความหนืดยังคงลดลงเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นเหล่านี้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีความหนืดสูงขึ้นของดัชนีในช่วงฐานปิโตรเลียมแบบดั้งเดิม คุณสมบัติของพวกเขาออกแบบมาเป็นพิเศษให้ช่วงอุณหภูมิที่กว้างขึ้นที่อุณหภูมิสูงและต่ำกว่าและมักจะมีต่ำกว่าจุดไหล ด้วยดัชนีความหนืดที่ดีขึ้นของพวกเขา, น้ำมันสังเคราะห์ต้องลดระดับ improvers ดัชนีความหนืดซึ่งเป็นส่วนประกอบน้ำมันส่วนใหญ่เสี่ยงต่อการย่อยสลายความร้อนและเครื่องจักรกลเป็นวัยน้ำมันและทำให้พวกเขาไม่ได้ลดลงเป็นอย่างที่น้ำมันเครื่องแบบดั้งเดิม แต่พวกเขายังคงเติมอนุภาคแม้ว่าเรื่องระงับดีขึ้นภายในน้ำมัน[ต้องการอ้างอิง]และกรองน้ำมันยังคงเติมและอุดตันขึ้นในช่วงเวลา ดังนั้นน้ำมันเป็นระยะ ๆ และการเปลี่ยนแปลงตัวกรองยังควรจะทำกับน้ำมันสังเคราะห์ แต่บางซัพพลายเออร์น้ำมันสังเคราะห์แนะนำว่าช่วงเวลาระหว่างการ แม่แรงไฟฟ้า เปลี่ยนแปลงน้ำมันได้อีกต่อไปบางครั้งตราบใดที่ 16,000-24,000 กิโลเมตร (10,000-15,000 ไมล์) สาเหตุหลักมาจากการย่อยสลายลดลงโดยการเกิดออกซิเดชัน แม่แรงยกรถ
การทดสอบ[ต้องการอ้างอิง]แสดงให้เห็นว่าน้ำมันสังเคราะห์จะดีกว่าในสภาวะที่รุนแรงที่จะบริการน้ำมันแบบธรรมดาและอาจทำงานได้ดีขึ้นอีกต่อไปภายใต้เงื่อนไขมาตรฐาน แต่ในส่วนใหญ่ของการใช้งานยานพาหนะ, น้ำมันแร่สารหล่อลื่นที่ใช้เสริมด้วยสารเติมแต่งและมีประโยชน์ในการมานานกว่าศตวรรษของการพัฒนาที่ยังคงเป็นสารหล่อลื่นที่โดดเด่นสำหรับการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายในมากที่สุด

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม


ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม[แก้ไข]


เนื่องจากองค์ประกอบทางเคมีของการกระจายตัวทั่วโลกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ใช้น้ำมันเครื่องถือว่าเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง. [24] [25]ส่วนใหญ่สารหล่อลื่นน้ำมันเครื่องปัจจุบันมีหุ้นฐานปิโตรเลียมซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและยาก การกำจัดของหลังการใช้งาน. แม่แรงยกรถ [26]กว่า 40% ของมลพิษในน้ำของอเมริกาจากน้ำมันเครื่องที่ใช้. [27]น้ำมันใช้ถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของมลพิษน้ำมันในอ่าวสหรัฐอเมริกาและน้ำ 385 ล้านแกลลอนต่อปี ส่วนใหญ่. จากการขายที่ไม่เหมาะสม[28]โดยไกลสาเหตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมอเตอร์มลพิษน้ำมันในมหาสมุทรของเรามาจากท่อระบายน้ำและการไหลบ่าถนนในเมืองซึ่งส่วนมากมาจากการกำจัดที่ไม่เหมาะสมของน้ำมันเครื่อง. [29]หนึ่งแกลลอนน้ำมันที่ใช้สามารถ สร้างเนียนแปดเอเคอร์ในแหล่งน้ำผิวดินขู่ปลานกและอื่น ๆ ที่มีชีวิตในน้ำ. [28]ตามที่สหรัฐอเมริกา EPA ภาพยนตร์ของน้ำมันบนพื้นผิวของน้ำป้องกันการเติมเต็มของออกซิเจนที่ละลายในน้ำที่ทำให้เสียกระบวนการสังเคราะห์แสงและป้องกันแสงแดด แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า .[30]ผลกระทบที่เป็นพิษของน้ำมันที่ใช้ในน้ำจืดและมีชีวิตทางทะเลแตกต่างกัน แต่ผลกระทบระยะยาวที่สำคัญมีการตรวจพบที่ระดับความเข้มข้น 310 ppm ในหลายสายพันธุ์ปลาน้ำจืดและต่ำเป็น 1 ppm ในรูปแบบของชีวิตทางทะเล.[30]มอเตอร์ น้ำมันจะมีผลกระทบอย่างไม่น่าเชื่อที่มีต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพืชที่ขึ้นอยู่กับดินที่จะเติบโตมีสุขภาพดี มีสามวิธีหลักที่มีผลกระทบต่อน้ำมันพืช: แม่แรงไฟฟ้า การปนเปื้อนแหล่งน้ำปนเปื้อนในดินและพืชที่เป็นพิษ น้ำมันเครื่องที่ใช้ทิ้งบนที่ดินที่จะช่วยลดการผลิตดิน. [30]น้ำมันไม่ถูกต้องใช้กําจัดอย่างจบลงในหลุมฝังกลบท่อระบายน้ำหลังบ้านหรือพายุท่อระบายน้ำที่พื้นดินน้ำใต้ดินและน้ำดื่มอาจปนเปื้อน. [31]


แม่แรงยกรถ

สารเติมแต่งอื่น ๆ

สารเติมแต่งอื่น ๆ[แก้ไข]

นอกเหนือจากการเพิ่มดัชนีความหนืด, ผู้ผลิตน้ำมันมักจะมีสารเติมแต่งอื่น ๆ เช่นผงซักฟอกและสารช่วยกระจายตัวที่จะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดโดยการลดการสะสมของตะกอนสารยับยั้งการกัดกร่อนและสารเติมแต่งอัลคาไลน์ที่จะต่อต้านการเกิดออกซิเดชันผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรดของน้ำมัน ส่วนใหญ่น้ำมันในเชิงพาณิชย์มีจำนวนน้อยที่สุดของdialkyldithiophosphate สังกะสีเป็นสารเติมแต่งป้องกันการสึกหรอเพื่อป้องกันการติดต่อกับพื้นผิวโลหะด้วยสังกะสีและสารประกอบอื่นๆ ในกรณีของโลหะเพื่อการติดต่อโลหะ ปริมาณของ dialkyldithiophosphate สังกะสีจะถูก จำกัด เพื่อลดผลกระทบต่อแปลงตัวเร่งปฏิกิริยา ด้านสำหรับอุปกรณ์หลังการรักษาก็คือการสะสมของเถ้าน้ำมันซึ่งจะเป็นการเพิ่มความดันย้อนกลับของไอเสียและลดการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อเวลาผ่านไป ที่เรียกว่า "สารเคมีที่กล่อง" ข้อ จำกัด ในวันนี้ความเข้มข้นของกำมะถันเถ้าและฟอสฟอรัส (SAP)
มีสารอื่น ๆ ในเชิงพาณิชย์ซึ่งสามารถเพิ่มน้ำมันโดยผู้ใช้เพื่อประโยชน์เพิ่มเติมโดยอ้างว่าเป็น บางส่วนของสารเติมแต่งเหล่านี้รวมถึง: แม่แรงยกรถ
  • สารเติมแต่งอีเช่นdialkyldithiophosphate สังกะสี (ZDDP) สารเติมแต่งและ sulfonates ควร sulfonates แคลเซียมที่มีอยู่ให้กับผู้บริโภคสำหรับการป้องกันเพิ่มเติมภายใต้สภาวะความดันหรือในสถานการณ์ที่ประสิทธิภาพการทำงานหนักแคลเซียมสารเติมแต่ง sulfonates ยังมีการเพิ่มเพื่อปกป้องน้ำมันเครื่องจากการสลายออกซิเดชันและเพื่อป้องกันการก่อตัวของตะกอนและเงินฝากเคลือบเงา ทั้งสองเป็นพื้นฐานหลักของแพคเกจเติมแต่งที่ใช้โดยผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นจนถึงปี 1990 ขณะที่ความจำเป็นในการเติมแต่ง ashless ที่เกิดขึ้น ประโยชน์หลักคือราคาที่ต่ำมากและว่างกว้าง (sulfonates เป็นผลพลอยได้เสียเดิม) ปัจจุบันมีสารหล่อลื่นน้ำมัน ashless ไม่มีสารเหล่านี้ซึ่งสามารถตอบสนองความมีคุณภาพของคนรุ่นก่อนหน้านี้ด้วย basestock ราคาแพงมากขึ้นและมีราคาแพงมากขึ้นอินทรีย์หรือสารเติมแต่งที่มีพันธะ บางส่วนน้ำมันใหม่จะไม่ได้สูตรที่จะให้ระดับของการป้องกันของคนรุ่นก่อนหน้านี้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายการผลิต เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้อกำหนด API สะท้อนให้เห็นว่า
  • บางโมลิบดีนัมซัลไฟด์ที่มีสารเติมแต่งน้ำมันหล่อลื่นอ้างว่าเพื่อลดแรงเสียดทานพันธบัตรกับโลหะหรือมีคุณสมบัติป้องกันการสึกหรอ MoS 2อนุภาคสามารถเฉือนรอยบนพื้นผิวเหล็กและชิ้นส่วนเครื่องยนต์บางส่วนได้รับการรักษาแม้จะมี MoS2ชั้นในระหว่างการผลิตคือสมุทรในเครื่องมือ (Trabant ตัวอย่าง). [23]พวกเขาถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองในเครื่องมือและกลายเป็นเที่ยวบินเชิงพาณิชย์หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปี 1990 พวกเขาได้รับในเชิงพาณิชย์ในปี 1970 (เอลฟ์ Antar Molygraphite) และในวันนี้ยังคงมีอยู่ (Liqui Moly MoS 2 10 W-40, www.liqui-moly.de) ข้อเสียเปรียบหลักของซัลไฟด์โมลิบดีนัมเป็นสีดำแอนทราไซต์เพื่อรับการรักษาด้วยน้ำมันมันยากที่จะแยกแยะความแตกต่างจากเขม่าควันเต็มไปด้วยน้ำมันเครื่องที่มีเศษโลหะจากแบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงหมุน แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า
  • ในช่วงปี 1980 และ 1990, สารระงับด้วยPTFEอนุภาคที่มีอยู่เช่น "Slick50" ให้กับผู้บริโภคที่จะเพิ่มความสามารถของน้ำมันเครื่องที่จะขนและปกป้องพื้นผิวโลหะ มีความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นจริงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่พวกเขาสามารถจับตัวและเกิดการอุดตันกรองน้ำมันและน้ำมันทางเดินเล็ก ๆ ในเครื่องยนต์ มันควรจะทำงานภายใต้เงื่อนไขหล่อลื่นเขตแดนซึ่งการออกแบบเครื่องยนต์ที่ดีมักจะหลีกเลี่ยงต่อไป นอกจากนี้เทฟลอนเดียวมีน้อยถึงไม่มีความสามารถในการติดแน่นบนพื้นผิว Sheared ซึ่งแตกต่างจากซัลไฟด์โมลิบดีนัมยกตัวอย่างเช่น
  • ต่างๆมากแรงดัน (EP) สารเติมแต่งและสารเติมแต่งต้านทานการสึกหรอ
  • สิทธิบัตรจำนวนมากที่นำเสนอการใช้งาน perfluoropolymers เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนโลหะเช่น PTFE (Teflon) หรือ PTFE micronized อย่างไรก็ตามอุปสรรคการประยุกต์ใช้ PTFE เป็นไม่ละลายในน้ำมันน้ำมันหล่อลื่น แอพลิเคชันของพวกเขาเป็นที่น่าสงสัยและขึ้นอยู่กับการออกแบบเครื่องยนต์ - หนึ่งที่ไม่สามารถรักษาสภาพการหล่อลื่นที่เหมาะสมอาจได้รับประโยชน์ในขณะที่การออกแบบอย่างถูกต้องเครื่องยนต์ที่มีฟิล์มน้ำมันหนาพอที่จะไม่เห็นความแตกต่างใด ๆPTFE เป็นวัสดุที่นุ่มมากทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของมันจะกลายเป็นที่เลวร้ายยิ่งกว่าการชุบแข็งเหล็กพื้นผิวการผสมพันธุ์เพื่อเหล็กภายใต้แรงที่พบบ่อย PTFE ถูกนำมาใช้ในองค์ประกอบของแบริ่งเลื่อนที่จะช่วยเพิ่มการหล่อลื่นภายใต้ภาระค่อนข้างเบาจนแรงดันน้ำมันที่สร้างขึ้นให้เต็มเงื่อนไขหล่อลื่นอุทกพลศาสตร์ แม่แรงไฟฟ้า
สารเติมแต่งอีอาจจะไม่เข้ากับรถจักรยานยนต์บางอย่างที่ใช้ร่วมกันคลัทช์เปียกหล่อลื่นเครื่องยนต์. [10]

มาตรฐานต่างๆของน้ำมันเครื่อง

ILSAC [แก้ไข]

น้ำมันหล่อลื่นมาตรฐานระหว่างประเทศและคณะกรรมการอนุมัติ (ILSAC) นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานสำหรับน้ำมันเครื่อง นำมาใช้ในปี 2004 GF-4 [14]นำไปใช้กับ SAE 0W-20, 5W-20, 0W-30, 5W-30 และความหนืด 10W-30 น้ำมันเกรด โดยทั่วไป ILSAC ทำงานร่วมกับ API ในการสร้างสเปน้ำมันเบนซินใหม่ล่าสุดกับ ILSAC เพิ่มความต้องการพิเศษของการทดสอบการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำหนดของพวกเขา สำหรับ GF-4, ลำดับ VIB เชื้อเพลิงเศรษฐกิจทดสอบ (ASTM D6837) จะต้องว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในหมวดหมู่บริการ API SM แม่แรงไฟฟ้า
การทดสอบใหม่ที่สำคัญสำหรับ GF-4 ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ API SM เป็นลำดับ IIIG ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน 3.8 ลิตร (232  ตำรวจสันติบาล), จีเอ็ม 3.8 ลิตร V-6ที่ 125 แรงม้า (93 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที และ 150 ° C (300 ° F) อุณหภูมิน้ำมัน 100 ชั่วโมง เหล่านี้เป็นมากขึ้นสภาวะรุนแรงกว่าน้ำมัน API ระบุถูกออกแบบมาสำหรับรถยนต์ซึ่งโดยปกติจะผลักดันอุณหภูมิน้ำมันของพวกเขาอย่างต่อเนื่องสูงกว่า 100 ° C (212 ° F) เป็นส่วนใหญ่องคาพยพเครื่องยนต์พร้อมกับเครื่องยนต์มากที่สุดของต้นกำเนิดของยุโรปหรือญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังการผลิตการส่งออกพลังงานสูง แม่แรง ยกรถ ไฟฟ้า
การทดสอบ IIIG อยู่ที่ประมาณ 50% ยากมากขึ้น[15]กว่าการทดสอบ IIIF ก่อนหน้านี้ที่ใช้ในการ GF-3 และ API SL น้ำมัน น้ำมันเครื่องแบกสัญลักษณ์ดาวกระจาย API ตั้งแต่ปี 2005 มี ILSAC GF-4 ตาม. [16]
เพื่อช่วยให้ผู้บริโภครับรู้ว่าน้ำมันที่ตรงตามความต้องการ ILSAC, API พัฒนา "ดาวกระจาย" เครื่องหมายรับรอง
ชุดใหม่ของรายละเอียด GF-5 [17]มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2010 อุตสาหกรรมที่มีหนึ่งปีที่จะแปลงน้ำมันของพวกเขาเพื่อ GF-5 และในเดือนกันยายน 2011, ILSAC จะไม่ได้มีการออกใบอนุญาตสำหรับ GF-4

ACEA [แก้ไข]

ACEA (สมาคมdes Constructeurs d'Européensรถยนต์) ผลการดำเนินงาน / การจำแนกประเภทที่มีคุณภาพ A3 / A5 ทดสอบใช้ในยุโรปมีเนื้อหาที่เข้มงวดมากขึ้นกว่ามาตรฐาน API และ ILSAC CEC (คนประสานงานสภายุโรป) เป็นร่างกายการพัฒนาเชื้อเพลิงหล่อลื่นและการทดสอบในยุโรปและอื่น ๆ , การตั้งค่ามาตรฐานผ่านทางกลุ่มอุตสาหกรรมยุโรปของพวกเขา ACEA, ATIEL, ATC และ CONCAWE
Lubrizol ซัพพลายเออร์ของสารเติมแต่งเกือบทุก บริษัท น้ำมันที่เป็นเจ้าภาพจัดงานการปฏิบัติงานเทียบเครื่องมือที่โดยตรงเปรียบเทียบผู้ผลิตและรายละเอียดอุตสาหกรรม ความแตกต่างในการทำงานของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์ในรูปแบบของกราฟแมงมุมโต้ตอบซึ่งทั้งผู้เชี่ยวชาญและสามเณรสามารถชื่นชม. [18]

JASO [แก้ไข]

องค์การมาตรฐานยานยนต์ญี่ปุ่น (JASO) ได้สร้างชุดของตัวเองของประสิทธิภาพการทำงานและมาตรฐานที่มีคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซินต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น
สำหรับเครื่องยนต์เบนซินสี่จังหวะมาตรฐาน JASO T904 ถูกนำมาใช้และมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JASO MA-T904 และมาตรฐาน MA2 ได้รับการออกแบบที่จะแยกแยะน้ำมันที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้คลัทช์เปียกที่มีสารหล่อลื่น MA2 ส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่มีแรงเสียดทานสูง มาตรฐาน JASO MB-T904 หมายถึงน้ำมันที่ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานคลัทช์เปียกและดังนั้นจึงถูกนำมาใช้ในสกูตเตอร์พร้อมกับการส่งตัวแปรอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้การปรับเปลี่ยนของแรงเสียดทานน้ำมัน JASO MB สามารถมีส่วนร่วมในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นในการใช้งานเหล่านี้. [19]
สำหรับเครื่องยนต์เบนซินสองจังหวะที่JASO M345 (เอฟเอ, FB, FC, FD) มาตรฐานที่ใช้[20]และนี่หมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเถ้าต่ำหล่อลื่น, สารชำระล้างควันและการปิดกั้นต่ำไอเสีย
มาตรฐานเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JASO-MA (รถจักรยานยนต์) และ JASO-เอฟซีได้รับการออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการน้ำมันที่ไม่ได้รับการแก้ไขโดยประเภทบริการ API องค์ประกอบหนึ่งของมาตรฐาน JASO-MA คือการทดสอบแรงเสียดทานที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมสำหรับการใช้งานคลัทช์เปียก. [10] [21]น้ำมันที่ตรงกับ JASO-MA ถือว่าเป็นที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานคลัทช์เปียก น้ำมันวางตลาดเป็นรถจักรยานยนต์ที่เฉพาะเจาะจงจะดำเนินการป้าย JASO-MA แม่แรงยกรถ

ASTM [แก้ไข]

1989 สังคมอเมริกันสำหรับการทดสอบและวัสดุ (ASTM) รายงานระบุว่าความพยายาม 12 ปีที่จะเกิดขึ้นกับอุณหภูมิสูงใหม่เฉือนสูง (HTHS) มาตรฐานไม่ประสบความสำเร็จ หมายถึง SAE J300 พื้นฐานสำหรับระดับมาตรฐานปัจจุบันรายงานระบุ:
การเติบโตอย่างรวดเร็วของน้ำมัน multigraded ที่ไม่ใช่ของนิวตันได้แสดงความหนืดเป็นพารามิเตอร์ที่ไร้ประโยชน์เกือบพัฒนาการ "ของจริง" ความหนืดอยู่ในโซนที่สำคัญของเครื่องยนต์ ... มีผู้ที่มีความผิดหวังที่ความพยายามสิบสองปียังไม่ได้ผลในการ นิยามใหม่ของ SAE J300 เครื่องยนต์เอกสารการจำแนกประเภทความหนืดน้ำมันเพื่อแสดงความหนืดที่อุณหภูมิสูงเกรดต่างๆ ... ในมุมมองของผู้เขียนนี้, นิยามใหม่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตลาดน้ำมันหล่อลื่นยานยนต์รู้ไม่มีความล้มเหลวของสนามอย่างไม่น่าสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการ ความหนืดของน้ำมัน HTHS ไม่เพียงพอ. [22]
แม่แรงยกรถ