วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

...สายเบรกถูกตัด...คนที่ขับน่าจะรู้เรื่องดี...

"ยังคุยไม่รู้เรื่องหรอกศก หัวสมองจ่าเมฆยังกระทบกระเทือนอยู่ คงอีก สักวันสองวัน" บอกเสียงทุ้ม เอื้อมมือไปเปิดตาคนไข้ นัยน์ตาจ่าเมฆยังไม่มี ปฏิกิริยาตอบสนองกับแสง
"อย่างอื่นมีอะไรน่าเป็นห่วงมั้ยครับน้าฤษด์" ศกรเอ่ยถาม จากการสอบ ถามกับศรานตาเมื่อแรกมา จ่าเมฆอาการดีขึ้นมาก แต่พอมาเห็นกับตา จ่าเมฆ
กลับท'^ดลงอีก คิ้วเข้มขมวดอย่างกังวล ห่วงลูกน้องก็ห่วง แต่สิงที่คา1จมันยัง ๅมเร้าอ^
...สายเบรกถูกตัด...คนที่ขับน่าจะรู้เรื่องดี... แม่แรงไฟฟ้า
"หัวใจเต้นผิดจังหวะ พรุ่งนี้คงต้องส่งไปเอ็กซเรย์อีกรอบหนึ่ง" สฤษด์คุณ จับผ้าห่มคลุมร่างคนไข้อย่างอ่อนโยน ศกรถอยห่างออกมา พอจะเดาความหมาย ได้ว่านายแพทย์ใหญ่ต้องการให้คนไข้ได้พักผ่อน ชายหนุ่มขอตัวลากลับโดยมี ศรานตาเดินตามมาส่ง
"กาชะลองมาที่นี่หรือคะ" สาวสวยเริ่มต้นบทสนทนาเมื่อเดินห่างออกมาจาก ตัวตึก คำถามง่ายๆ แต่ทำเอาผู้กองหนุ่มตีสีหน้าฉงน นึกแปลกใจด้วยไม่เคย เล่าเรึ่องนี้ให้ใครฟัง ชะรอยศรานตาจะรู้ พยาบาลสาวรีบบอก "คนเขาพูดกัน น่ะค่ะ ปีบเขาเป็นดาราดังนี่คะ เดินไปไหนมาไหนคนก็รู้จัก เออ แล้วนี่เจอกับ ศกบ้างหรีอยังคะ" เรียกอย่างสนิทสนม แต่ต่อหน้าผู้อื่นศรานตาไม่ลืมที่จะเรียก อีกฝ่ายว่า 'ผู้กอง' หญิงสาวมองร่างสูงใหญ่อย่างชื่นชม ไม่น่าเชื่อ เด็กชายตัว ผอมก๊องแก๊งที่เคยเดินตามจีบหล่อนต้อยๆ เมื่อวันวานจะเป็นหนุ่มหล่อหุ่น องอาจขนาดนี้ แม่แรง ไฟฟ้า รถยนต์
เสัยดาย...ตอนนั้นหล่อนไม่น่าปฏิเสธ...ไม'เนตอนนี้หล่อนคงเดินเคียงข้าง กับเขาได้อย่างผึ่งผาย
"ก็...เจอแล้วครับ พอดีผมแวะไปคุยกับคุณยายที่คุ้ม"
ได้ยินคำว่า 'คุณยาย1 ศรานตาก็นึกสะดุด รู้เหมือนกันว่าหมายถึงคุณ ปรียางค์ศรี ผู้ดีเก่าเจ้าของคุ้มภูคากาซะลอง คุณยายแท้ๆ ของกาซะลอง แต่ นํ้าเสียงที่ชายหนุ่มใช้แสดงถึงความเคารพนับถืออย่างลึกลํ้า ความสนิทสนม อย่างชัดเจน วูบหนึ่งที่ลางสังหรณ์บอก...ศกรมีความผูกพันกับบางอย่างที่นั่น
"นานแล้วที่อุ๊ไม่ได้เจอกับปีบ เป็นยังไงคะ ตัวจริงสวยมั้ย เห็นในทีวี
■ก็พวกไฮโชตกยาก" แค่นเสียงตอบ "มีแต่หน้าตา เงินทองไม่มีหรอก พูดกันตรงๆ นะ แม่ว่าที่นายดิสธรมาตามจีบแม่ปีบก็คงจะหวังสมบัติ หลาน เราใช่ย่อยซะที่ไหน เป็นทั้งดาราดัง ทั้งทายาทคุ้มภูคากาชะลอง เงินทองก็คง จะมากโขอยู่ล่ะ" ท้ายเสียงตวัดขึ้นอย่างดูแคลน ก่อนที่จะหันมาพูดกับเขาอย่าง จริงจัง "แม่อยากให้ฤษด์ดูแลคุณป้ามากๆ นะลูก อย่างน้อยคุ้มภูคาก็น่าจะเป็น ของฤษด์อยู่ครึ่ง"
"แต่เหมือนคุณป้าจะยกให้ปีบ"
"ไม่หรอก" คุณพันธุรพียักไหล่ "ถึงคุณพี่จะรักแม่ปีบ แต่ฤษด์ก็เป็นหลาน..."
นายแพทย์หนุ่มยิ้มเย็น "แม่พูดยังกับคุณป้ายังไม่ทำพินัยกรรม อย่าลืม สิครับว่าคุณป้าน่ะทำไปแล้ว สดๆ ร้อนๆ วันนี้เอง"
"ทำแล้วก็เปลี่ยนใหม่ได้ แม่ดูท่าทางแล้วคุณพี่ไม่ค่อยปลี้มนายดิสธรนั่น หรอก" ผู้เป็นแม่เริ่มยิ้มในสีหน้า "ยังไงฤษด์ก็เอาใจคุณป้าหน่อยแล้วกัน เผื่อ แม่พลาดก็ยังมีฤษด์" แม่แรงตะเข้
สฤษด์คุณรับคำ เหมือนแม่จะเน้นทั้งที่ปกติเขาก็ดูแลผู้มีด้กดิเป็นป้าอยู่แล้ว วางหนังสือลงขอตัวกลับเข้าห้อง แต่ผู้เป็นแม่กลับเรียกเสียงอ่อย...แค่มองหน้าแม่ นายแพทย์หนุ่มก็พอจะรู้ว่าแม่จะเริ่มบทสนทนาใด
"ช่วงนี้แม่...เงินช็อตอีกแล้วฤษด์" คุณพันธุรพีมองหน้าเคร่งขรึมของลูกชาย อย่างเกรงใจ ไม่อยากเอ่ยปากเรื่องทำนองนี้เลย แต่ภาษีลังคมนับวันมันยิ่งมาก ขึ้นทุกวัน เงินทองเริ่มร่อยหรอ หล่อนยังรับไม่ได้กับการที่จะอยู่อย่างไม่มืหน้า ไฝมีตา ในเมื่อนามสกุลเก่าแก่มันคํ้าคอ
"แม่ไม่งดออกงานบ้างล่ะครับ" สฤษด์คุณเอ่ยถาม แม้นํ้าเสียงจะราบเรียบ แต่แววตาก็ทำคุณพันธุรพีแหยงได้
"ได้ยังไงล่ะลูก อย่าลืมว่าเราเป็นที่นับหน้าถือตาในลังคมนะ ถ้าไม'ไปไหน มาไหนซะบ้าง คนมันจะได้นินทาเอาปะไร"
"ช่างเขาสิครับ เราไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อน"
"พูดยังงั้นได้ยังไง ขายหน้าแย่" ค้านเสียงอ่อยก่อนวกไปเรื่องเดิม "นะ... แม่ขอยืมก่อน รอให้เบิกเงินมรดกงวดต่อไปได้จะเอามาคึน*
"ผมไม่มีฮะ" คำตอบง่ายๆ แต่ทำเอาผู้เป็นมารดาแทบเต้นเหยง "ช่วงนี้
แม่แรงไฟฟ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น